MK Restaurants x Fire Tiger กลยุทธ์ทางธุรกิจ (Business Strategy) ของสองแบรนด์ดัง ที่น่าสนใจ น่าติดตาม .. วิเคราะห์ กลยุทธ์ทางธุรกิจระหว่างร้านอาหารและร้านชานมไข่มุกที่น่าสนใจ ตัวอย่าง Case Study ในกลยุทธ์นี้ จะมีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร? .. “ครัวกลาง” ของ MK (เอ็มเค) .. มีข้อดี ข้อเสียอย่างไร

MK Restaurants x Fire Tiger วิเคราะห์กลยุทธ์ทางธุรกิจที่น่าสนใจ มีข้อดี-ข้อเสียอย่างไร?

ธุรกิจร้านอาหาร “เอ็มเค” (MK Restaurants) แบรนด์เครือร้านอาหาร ที่เป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน และ แบรนด์ “เสือพ่นไฟ” (Fire Tiger) ธุรกินร้านชานมไข่มุก “ชานมไข่มุก เสือพ่นไฟ” หรือ “นมสดเสือพ่นไฟ” ที่เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย  รวมถึงอุตสาหกรรมแฟรนไชส์ที่เกี่ยวข้องกับ ชานมไข่มุก (Bubble Milk Tea) ที่กลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง

เป็นที่ทราบกันดีว่า .. มีความร่วมมือระหว่างแบรนด์ทั้งสองแบรนด์ที่ได้กล่าวถึงนี้ ในการจัดจำหน่าย “ชาชมไข่มุก Fire Tiger” ที่ร้านอาหาร MK แต่ “กลยุทธ์ทางธุรกิจ” (Business Strategy) นี้น่าสนใจอย่างไร? รวมถึงมีข้อดี ข้อเสีย หรือ ข้อจำกัดอย่างไรบ้างใงแง่มุมต่างๆ

แม้ว่า เรา “แจมเพย์” จะไม่ได้สัมภาษณ์หรือได้รับข้อมูลโดยตรงจากทั้งสองแบรนด์ก็ตาม .. แต่เอาหล่ะ แจมเพย์จะมาวิเคราะห์กลยุทธ์ทางธุรกิจที่น่าสนใจนี้ เพื่อให้ผู้อ่านไปเปิดมุมมองทางธุรกิจ ไปกันเล้ยยย ..


สารบัญ

ข้อดี ของ กลยุทธ์ทางธุรกิจ MK Restaurants x Fire Tiger
ข้อเสีย หรือ ข้อจำกัด ของ กลยุทธ์ทางธุรกิจ MK Restaurants x Fire Tiger
วิเคราะห์กลยุทธ์ทางธุรกิจ โดยสรุป ระหว่าง MK Restaurants และ Fire Tiger by Seoulcial Club


ข้อดี ของ กลยุทธ์ทางธุรกิจ MK Restaurants x Fire Tiger

1.”Fire Tiger” ไม่จำเป็นต้องมีค่าใช้จ่ายส่วนต่างๆ ในการขยายสาขาไปทั่วประเทศในช่วงเริ่มแรก

เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า การจะเพิ่ม “ยอดขาย” (Total Sales) และ “อัตราการทำกำไร” (Gross Profit Margin) ของสินค้าในบางธุรกิจหรือบางอุตสาหกรรม มักจะมีความสัมพันธ์ทางตรง กับ “จำนวนสาขา” (Branches)

แต่ การจะเพิ่มจำนวนสาขาของธุรกิจนั้น ต้องคำนึงถึงปัจจัยหลายอย่าง ทั้งในเรื่องของ ต้นทุนก่อสร้างต่อสาขา  ต้นทุนในการบริหารจัดการต่อสาขา ขนาดของกลุ่มลูกค้า ระบบจัดการวัตถุดิบ ระบบขนส่งและกระจายสินค้า เป็นต้น

ดังนั้น การที่ MK และ Fire Tiger ร่วมมือทางธุรกิจกันแบบนี้ ทำให้ Fire Tiger ได้รับประโยชน์จากการที่ตนไม่จำเป็นต้องมี “หน้าร้าน” (Shop) หรือ “สาขา” (Branch) เลยในช่วงเริ่มแรกที่ต้องการทำการ “สร้างการรับรู้แบรนด์” (Brand Awareness) ไปทั่วประเทศ

2.ครัวกลาง “Co-Kitchen” และ “Co-Logistics and Supply Chain” ของ MK Restaurants

ด้วย “ระบบจัดการข้อมูลสินค้า” (Logistics) และ “คลังสินค้าและศูนย์การกระจายสินค้า” (Distribution Center) หรือ เรียกง่ายๆว่า “ระบบโลจิสติกส์และห่วงโซ่อุปทาน ” (Logistics and Supply Chain) ของแบรนด์ MK ที่ผ่านการดำเนินธุรกิจมาอย่างยาวนาน เรียกว่าเป็นการ ” Co-Logistics” ระหว่างกัน หรือที่เราเรียกกันว่า “ครัวกลาง” ของ MK

รวมถึง “ระบบจัดเตรียมอาหาร” ประจำพื้นที่ หรือ “ครัวประจำสาขา” ที่สามารถจัดเตรียมสินค้าของ Fire Tiger ให้แก่ลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ถือเป็นการ “Co-Kitchen” ระหว่างกันด้วยนั่นเอง

ทำให้เป็นผลดีแก่ Fire Tiger ที่ไม่จำเป็นต้องลงทุนสร้างระบบเหล่านี้เป็นของตนเองในระยะเริ่มแรก สามารถใช้การ “แบ่งปันผลประโยชน์ระหว่างกัน” (Benefits Sharing) ได้ อีกทั้ง ช่วยลด “ความเสี่ยงด้านการเงิน” (Financial Risk) “สภาพคล่อง” (Liquidity) และ “กระแสเงินสด: (Cash Flow) ของกิจการ ในการขยายสาขา หรือ กิจการได้

3.”ทานคาวต้องทานหวาน” (Main Dish with Desserts) การเติบโตไปพร้อมกัน ด้วย เรื่องของ “พฤติกรรมผู้บริโภค” (Customer Behaviors)  

ข้อดีอีกอย่าง คือ เมื่อคุณเดินทางรับประทานอาหารที่ “ร้านเอ็มเค” ซึ่งเป็น อาหารจานหลัก หรือ “อาหารคาว” คุณสามารถสั่ง  “ชานมไข่มุก” ซึ่งเป็น “อาหารว่าง”  หรือ “ของหวาน” หลังจากที่คุณรับประทานอาหารเสร็จแล้วได้ คุณก็จะได้ทานชานมไข่มุกที่สดใหม่พร้อมรับประทานพอดีกับช่วงเวลาที่คุณต้องการ

ด้วยลักษณะ “โมเดลธุรกิจ” (Busines Model) ที่เคยมีผู้ทำจนประสบความสำเร็จมาแล้ว กล่าวคือ กลยุทธ์ตั้ง ร้านของหวาน ใกล้เคียงกับ ร้านอาหารญี่ปุ่น ซึ่งเป็นอาหารคาว เพราะ เข้าใจ “ผู้บริโภค” (Consumers) ว่า ผู้บริโภคส่วนหนึ่งที่ทานอาหารเสร็จ ย่อมมีความต้องการ หรือ มีความอยากทานของหวานต่อ จึงทำให้การดำเนินกลยุทธ์นี้ประสบความสำเร็จอย่างมาก

ถือเป็นการเติมเต็ม ส่งเสรีมซึ่งกันและกัน ด้วย “จุดแข็ง” (Strenght) ให้กันและกัน มากกว่า เป็นการแย่งกลุ่มลูกค้าระหว่างกันนั่นเอง

4.กลุ่มลูกค้าของ “MK Restaurants” และ “Fire Tiger by Seoulcial Club” ใกล้เคียงกัน 

เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า “ช่วงราคา” (Prices) ของทั้ง “เอ็มเค” และ “เสือพ่นไฟ” กลุ่มลูกค้าระดับรายได้ปานกลางและรายได้สูง (Middle and High Class) ทำให้การร่วมมือกันของทั้งสองแบรนด์ส่งเสริมภาพลักษณ์ของกันและกันได้เป็นอย่างดี

เพราะ “ความร่วมมือ” (Collaboration) ระหว่างกันของแบรนด์ จำเป็นต้องคิดถึง “กลุ่มลูกค้า” (Target Group) และ “ลักษณะของลูกค้า” รวมถึง “พฤติกรรมของลูกค้า” ของกันและกันด้วย กล่าวคือ ด้วยลักษณะของผู้ที่มาฐานร้านอาหารเอ็มเคจะมีลักษณะเป็นครอบครัวขนาดกลาง ไปจนถึง ครอบครัวขนาดใหญ่ มีทั้งรุ่นคุณปู่คุณย่า รุ่นพ่อแม่ รุ่นลูก ซึ่งมีโอกาสที่รุ่นลูกและรุ่นหลาน จะสั่งมารับประทาน เป็นต้น

5.ขยายฐานลูกค้าระหว่างกัน (Customer Expansion)

เมื่อ “ลักษณะกลุ่มลูกค้า” (Customer Persona) ใกล้เคียงกันแล้ว ย่อมมีโอกาสที่ทั้งสองแบรนด์จะสามารถส่งเสริมด้านการเพิ่มฐานลูกค้าระหว่างกัน

กล่าวคือ มีโอกาสที่ ผู้ที่ตั้งใจมามารับประทาน “ร้านอาหารเอ็มเค” จะสั่ง “ชานมไข่มุก” ของแบรนด์ “เสือพ่นไฟ” มารับประทานระหว่าง หรือหลังรับประทาน

หรือ ผู้ที่ตั้งใจมาซื้อ “ชานมไข่มุก เสือพ่นไฟ” แบบ Take Away เพียงอย่างเดียว ก็มีโอกาสที่จะรับประทานร้านอาหารเอ็มเคด้วยเช่นกัน

6.ยอดขายที่เพิ่มขึ้นทั้งสองฝ่าย (Upsell from Customer Expansion)

** ในข้อนี้ ทางเรา “แจมเพย์” ไม่สามารถระบุได้ชัดว่า “เงื่อนไขและข้อตกลงในการขายสินค้า” (Terms and Conditions) เป็นข้อตกลงใด เพราะ บทความนี้ เป็นเพียงการวิเคราะห์จากมุมมองส่วนตัว ไม่ได้ผ่านการสัมภาษณ์ หรือ ได้รับข้อมูลจากแบรนด์โดยตรง เป็นเพียงการวิเคราะห์เพื่อให้มุมมองทางธุรกิจเท่านั้น

และด้วย “ราคาขายปลีก”(Retail Price) เพียง 79 บาท (THB) ต่อแก้ว ขนาด 12 oz. จากปกติ 150 บาท (THB) แสดงให้เห็น การขายใน “ราคาส่งเสริมการขาย” (Promotion Price) เพื่อใช้ส่วนที่หายไป เป็น “ค่าการตลาด” และ “การสร้างการรับรู้แบรนด์ภายในประเทศ”

หรือ เป็นการ ทำการสำรวจราคาขายที่เหมาะสมไปในตัว รวมถึงข้อมูลกลุ่มลูกค้าต่างๆ หากจะขยายไปยังภูมิภาคต่างๆ เพราะ “กำลังการผลิต” (Production Capacity) ใหญ่ขึ้น ทำให้ “ต้นทุนต่อหน่วย” ย่อมลดลง ผสมกับ “ราคาแบบส่งเสริมการขาย” (Promotion Price) ตัด “ค่าใช้จ่ายต่างๆ” (Overhead Costs)  และรวมค่าการดำเนินการทุกอย่างแล้ว

เพื่อ สร้างโอกาสในการสร้างยอดขายของแบรนด์ที่เพิ่มขึ้นในอนาคตของ Fire Tiger นั่นเอง รวมถึง เป็นกลยุทธ์ที่ช่วยดึงกลุ่มลูกค้า MK หรือ กลุ่มลูกค้าใหม่ ให้มาที่ร้านอาหารเอ็มเค “เพื่อสร้างโอกาสในการเพิ่มยอดขาย” ในช่วงระยะเวลา “ส่งเสริมการขาย” (Promotion) ได้ด้วยเช่นกัน

7.พัฒนาทักษะของทีมงาน (Extra Skills)

แน่นอนว่า การรูปแบบการบริการและการจัดเตรียมสินค้าของ “เอ็มเค” และ “เสือพ่นไฟ” อาจจะแตกต่างกันบ้าง ซึ่งตรงนี้จะเป็นประโยชน์กับ “พนักงานของเอ็มเค” ในการเรียนรู้ รูปแบบการบริการระหว่างกันของสินค้าประเภทร้านค้าประเภทชานมไข่มุก

อีกทั้งรูปแบบในการพูด การบริหารจัดการ บริหารลูกค้า การรับมือกับปัญหาที่เกิดขึ้น และการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นประสบการณ์ที่มีคุณค่าและเป็นการฝึกฝนทักษะให้กับพนักงานได้ทั้งหมด

8.สร้างการรับรู้แบรนด์ ส่งเสริมแบรนด์ ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ซึ่งกันและกัน (Offline and Online Brand Awareness)

แน่นอนว่า ความร่วมมือกันระหว่างสองแบรนด์ ย่อมเป็นที่สนใจของผู้คนอยู่แล้วโดยปกติ ทั้งในออฟไลน์และออนไลน์ ซึ่งเป็นผลดีกับทั้งสองแบรนด์โดยตรง

กล่าวคือ ผู้คนที่มารับประทานร้านอาหารเอ็มเค ในช่วงที่มีสินค้าอย่าง “ชานมไข่มุก” จึงมีโอกาสสูงที่จะถ่ายภาพลงโซเชียลของตนเอง

รวมถึง กลุ่มลูกค้าที่มารับประทานร้าน MK เป็นประจำ แต่อาจจะยังไม่รู้จัก “ร้านชานมไข่มุก Fire Tiger” มากนัก ได้รับรู้ถึงแบรนด์ชานมไข่มุกแแบรนด์นี้มากขึ้น และด้วยลักษณะของกลุ่มลูกค้า ที่มีความคล้ายคลึงกัน โอกาสที่จะตัดสินใจทดลองทาน และ “รับรู้แบรนด์”ย่อมมีความเป็นไปได้สูง

รวมถึงผู้ที่มาซื้อชานมไข่มุกแบบ Take Away เองก็มีโอกาสที่จะถ่ายภาพรูปแก้วชานมไข่มุก “ตราสินค้า Fire Tiger” โดยติด “ตราสินค้า MK” ลงโซเชียลไปด้วย

และมีโอกาสที่กลุ่มลูกค้าเดิม หรือ กลุ่มลูกค้าใหม่ จะมารับประทานอาหารที่ร้านเอ็มเคเพิ่มขึ้นในช่วงเวลาที่ส่งเสริมการขายนี้ เพราะ แบรนด์เครือร้านอาหารเอ็มเค เป็นเครือร้านอาหารที่ได้รับการยอมรับมาอย่างยาวนานอยู่แล้ว มีฐานลูกค้าเดิมอยู่แล้ว

เพียงแต่เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ ในการดึงผู้คน ให้มาที่ร้านของตน และกระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจรับประทานอาหารที่ร้านของตน ด้วยความรู้สึกที่ว่า หากตนตั้งใจมารับประทานอาหารเอ็มเคอยู่แล้ว สามารถสั่งชานมไข่มุกไว้ให้มาเสิร์ฟหลังจากรับประทานเสร็จ หรือเมื่อต้องการก็ได้เช่นกัน ดีกว่ามายืนรอเข้าแถวหน้าร้าน


ข้อเสีย หรือ ข้อจำกัด ของ กลยุทธ์ทางธุรกิจ MK Restaurants x Fire Tiger

1.ลักษณะเฉพาะตัวของตัวสินค้าและบริการ (Characteristics of Goods and Services) 

“ชานมไข่มุก” (Bubble Milk Tea) หรือ “น้ำหวานต่างๆ” (Sweet or Soft Drinks) หรือ แม้กระทั่งสินค้าต่างๆ มักจะมีลักษณะเฉพาะของการบริการเสมอ

ยกตัวอย่าง .. ชานมไข่มุก จำเป็นต้องมี “กระบวนการ” หรือ “Process” ในการทำขั้นมาใหม่แก้วต่อแก้ว สดใหม่วันต่อวัน “อายุการเก็บรักษาสั้น” (Short Shelf-Life) โดยอาจจะเตรียมไข่มุก (Bubble) และ น้ำชาขม (Milk Tea) ไว้ และตักใส่แก้วเพื่อบริการลูกค้า ในส่วนของลูกค้าเองก็ควรต้องต่อแถวรับสินค้าทันที รวมถึงควรรับประทานในทันทีนั่นเอง

รวมถึง “ความท้าทาย” (Challenges) ของ “ธุรกิจร้านชานมไข่มุก” ที่ต้องการขยาย “แฟรนไชส์” (Franchise) หรือ ต้องการขยายสาขาไปทั่วประเทศ การดำเนินการนี้ต้องอาศัย “กระบวนการผลิต” (Manufacturing/Production Process) ผ่าน “ครัวกลาง” และกระจายและจัดส่ง “น้ำชานม” และ “ไข่มุก” ที่ต้องสดใหม่ มีลักษณะเหมือนเดิมตามมาตรฐานที่ควรจะเป็น ด้วยเหตุผลด้าน “การควบคุมคุณภาพ” (Quality Control) จากแบรนด์ เพื่อให้สาขาต่างๆไปผ่านกระบวนการเตรียมที่ครัวประจำสาขาอีกครั้ง ก่อนที่จะผ่านกระบวนการใส่แก้วก่อนถึงมือลูกค้าอีกครั้ง และให้คุณภาพที่ได้เป็นไปตามมาตรฐานที่บริษัทกำหนดอย่างเท่ากันทุกสาขา

ด้วยความที่ทางผู้ผลิตหรือแบรนด์ต้องการให้สินค้าที่ส่งถึงมือลูกค้าสดใหม่ เพื่อรักษารสชาติและรสสัมผัสต่างๆให้ถูกต้องเหมือนเดิม จึงเป็นความท้าทายของ “เอ็มเค” ในการที่ต้องรักษาคุณภาพของสินค้าของพาร์ทเนอร์ (Partner) ไว้ด้วยเช่นกัน

เราจึงจะเห็นว่า วิธีการที่ให้ลูกค้าภายในร้านสั่งชานมไข่มุก แล้วบริการเสิร์ฟให้หลังจากที่รับประทานเสร็จเรียบร้อยแล้ว หรือ เมื่อต้องการ เป็นวิธีที่ดีที่สุด ในการที่จะจัดเตรียมวัตถุดิบและใส่น้ำแข็งพร้อมเสิร์ฟ เพื่อความสดใหม่อยู่เสมอ

อีกทั้ง มีกลุ่มลูกค้าที่มาซื้อชานมไข่มุกอย่างเดียว ไม่ได้มารับประทานอาหารที่ร้าน ลูกค้าบางท่านรวมการสั่งซื้อมา และสั่ง 6 แก้วขึ้นไปต่อคน ด้วยความที่ทุกอย่างยังไม่คุ้นเคย การทำย่อมล่าช้าออกไป จึงทำให้ต้องรอมากกว่า 15-20 นาทีต่อท่าน (ด้วยความที่สามารถทำได้ 3 แก้ว ต่อ 3-5 นาที) ซึ่งลูกค้าก็ไปเดินเล่นในห้างฯ หรือไปทำอย่างอื่นก่อน ซึ่งบางครั้งถึงลำดับของตนเองแล้ว แก้วชานมไข่มุกถูกนำมาวางพร้อมเสิร์ฟไว้อย่างนั้นเกิน 5 นาทีขึ้นไป และลูกค้าลำดับถัดไปก็ไม่สามารถนำแก้วเหล่านั้นไปก่อนได้อยู่แล้ว

2.ความไม่คุ้นเคยของทีมงาน (Staffs)

สิ่งที่ยากที่สุดเป็นอันดับต้น ๆ ของการทำธุรกิจที่มีสาขาจำนวนมาก หรือแม้แต่ “ธุรกิจแฟรนไชส์” (Franchise Business) คือ เรื่องพนักงาน (Staff)

ด้วยความไม่คุ้นเคย หรือ ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นสิ่งใหม่สำหรับพนักงาน หรือ การบริหารงาน จึงสามารถทำได้ จำนวนจำกัดที่ 3 แก้วต่อรอบ  1 โดยหนึ่งรอบเฉลี่ยประมาณ 3-5 นาที จึงจะไม่เหมือนกับการไปซื้อจากร้านชานมไข่มุกโดยตรง ที่ทางร้านจะสามารถบริการได้อย่างราบรื่นกว่า

ซึ่งแน่นอน เหตุการณ์จาก ข้อ.1 ย่อมทำให้เกิดความสับสนกับพนักงาน ว่าควรแก้ปัญหาอย่างไรดี? ในเมื่อลูกค้าลำดับก่อนหน้ายังไม่มารับสินค้าของตน ซึ่งระยะเวลาก็ผ่านไปหลายนาทีแล้ว

รวมถึงเป็นการตัดสินใจที่ยากของพนักงาน ระหว่างการรักษาคุณภาพความสดใหม่ของสินค้าอยู่เสมอ ด้วยการเลือกนำสินค้าพร้อมรับประทานให้ลูกค้าที่ยืนรออยู่หน้าจุดบริการในลำดับถัดๆไปที่ยืนรออยู่ก่อน หลังจากนั้น เมื่อลูกค้าท่านนั้นมาจึงค่อยทำให้ใหม่อีกครั้ง หรือ จะเลือกรอลูกค้าท่านนั้นมารับสินค้าของตนหลังจากผ่านไปพอสมควรแล้ว เพราะ ความที่ “กำลังการผลิต” ยังอยู่ที่ 3 แก้วต่อ 5 นาทีดังที่บอกไว้ การตัดสินใจในส่วนตรงนี้ของพนักงาน จึงค่อนข้างยากกว่า การที่สามารถทำได้ราบรื่นมากขึ้นกว่านี้ หรือ รูปแบบการบริการจากร้านชาไข่มุกปกติที่ได้รับทันที และลูกค้าสามารถยืนต่อแถวเพื่อรอรับสินค้าได้ทันที

และอีกเหตุการณ์ ทางร้านแจ้งกับลูกค้าใหม่ที่เพิ่มขึ้นว่า “สินค้าหมดชั่วคราว” ปัญหาเหล่านี้ย่อมเกิดขึ้นได้ .. ที่พนักงานบริการด้านหน้าและด้านหลังร้านอาจจะสื่อสารกันผิดพลาด ถึง จำนวนสินค้าที่ยังเหลืออยู่

ซึ่งลำดับที่ 29 30 และ 32 (เรา) ที่ยินรออยู่บริเวณจุดรับสินค้า ยังคงไม่ได้รับสินค้า ขณะที่ลำดับที่ 34 ได้รับสินค้าก่อน ขยายความเพิ่มเติม สินค้ามี 2 แบบ คือ “นมสดไข่มุก”  และ “ขานมไข่มุก” อาจจะด้วยปัจจัยนี้เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้อง

รวมถึงเหตุการณ์ที่ พนักงานจัดเตรียมสินค้าพร้อมรับประทาน มาวางไว้แล้ว แจ้งพนักงานหน้าเคาน์เตอร์ว่า ลำดับที่ 31 และพนักงานหน้าเคาน์เตอร์ทั้ง 2 ท่านก็ทราบแล้ว เราเองก็ได้ยินเช่นกัน เพราะ เราลำดับที่ 32 เราก็ยืนรออยู่หน้าจุดรับสินค้า

จนเมื่อคุณลูกค้าลำดับที่ 31 มาถึง และแจ้งลำดับกับพนักงานหน้าจุดบริการ พนักงานก็นิ่งเฉย ไม่ได้หันหลังไปนำสินค้าที่วางพร้อมเสิร์ฟมาในทันที จนเราต้องเดินไปบอกพนักงานว่า “ลูกค้าลำดับที่ 31 มาแล้วนะครับ .. สินค้าที่วางอยู่เป็นของคุณลูกค้าลำดับที่ 31 ครับ”  เรารู้ได้ทันทีว่า พนักงานบริการด้านหน้าจุดรับสินค้าเริ่มเกิดความสับสนและไม่รู้จะจัดการปัญหาอย่างไร

3.ระบบการคิดเงินและการบริหารจัดการ (Management)

ด้วยพื้นที่จุดบริการและจุดรับสินค้าขนาดเล็ก ตั้งขึ้นหน้าประตูทางเข้าของร้านอาหารเอ็มเค เพื่อบริการกลุ่มลูกค้าแบบ Take Away ทำให้เป็นอุปสรรคในการบริการของพนักงาน

เพราะ ต้องต้อบรับลูกค้าและจดรับออร์เดอร์ (Orders) จดบริการต่างๆ รวมถึงต้องเตรียมเงินทอนและ ใบเสร็จรับเงิน (Reciept) ไว้สำหรับลูกค้าแต่ละท่าน

ด้วยความที่ไม่สามารถให้ลูกค้าแบบ Take Away เข้าไปในร้านอาหารกับกลุ่มลูกค้าที่มารับประทานอาหารของทางร้านได้อยู่แล้ว จึงมีความจำเป็น ที่ต้องคิดเงินจากจุดบริการชำระเงินภายในร้านก่อนนำมาวางที่จุดรับสินค้าด้านหน้าประตูทางเข้า ซึ่งภาพก็ออกมา คือ เงินทอนและใบเสร็จรับเงิน รวมถึงรายการสั่งสินค้า ที่เต็มพื้นที่จุดรับสินค้าไปหมด

ตรงนี้ ถือเป็นปัญหาในระดับปฏิบัติการ ที่พนักงานระดับปฏิบัติงานของเอ็มเคต้องพบเจอนั่นเอง

4.ความแตกต่างของ “ขนาดทางธุรกิจ” (Business Scales)

อันนี้แถม! .. สำหรับ Fire Tiger และ MK คงไม่ใช่ปัญหาในการร่วมงานระหว่างกัน หรือ “ข้อตกลงทางกาค้า” (Bargain) นี้

แต่ผู้เขียนต้องจะลองยกตัวอย่าง และ อธิบายให้ผู้อ่านเห็นภาพว่า .. ทำไมขนาดของกิจการและธุรกิจ จึงมีส่วนสำคัญในการดำเนินธุรกิจระหว่างกัน

ยกตัวอย่าง บริษัท A เป็นบริษัทขนาดใหญ่ ที่มีจำนวนสาขาจำนวนมากกระจายอยู่ทั่วประเทศ และ บริษัท B เป็นบริษัทผู้ผลิตสินค้าขนาดกลาง หรือ ขนาดเล็ก (SMEs)

เป็นธรรมดาที่ “ขนาดของคำสั่งซื้อ” (Purchase Order Volume) ต่อรอบ ของ A บางครั้ง อาจจะมีขนาดใหญ่กว่า “กำลังการผลิต” (Production Capacity) ของ B เพราะ มีจำนวนสาขาที่ต้องการกระจายสินค้าจำนวนมาก

เมื่อ B เห็น “ปริมาณ” (Volume) ก็อาจจะตัดสินใจลงทุนในเครื่องจักร เพื่อขยายกำลังการผลิต เพื่อรองรับ คำสั่งซื้อ ของ A ซึ่งอาจจะเป็นความเสี่ยงที่สูงจนเกินไป เพราะมีเหมือนกันที่ปรับลดคำสั่งซื้อลง ดังนั้นเป็นเรื่องที่ ธุรกิจลักษณะเดียวกับ B ต้องคำนึงถึงด้วยเช่นกัน

หรือ กรณีที่ A ยังไม่มั่นใจฐานสินค้าของแบรนด์ B หรือ ยอดขายที่ผ่านมาไม่เป็นไปตามที่หวังไว้ อยากจะลองสั่งจำนวนน้อยๆก่อน หรือ ลดจำนวนในการสั่งซื้อลง แต่ด้วย “ต้นทุนการผลิตต่อหน่วย” ของ B จะไม่ได้ตามที่ควรจะเป็น หรือ ต้นทุนต่อหน่วยจะสูงเกินไปนั่นเอง จนอาจจะไม่เหลือกำไร (Gross Profit Margin) บางครั้งต้องทำเพื่อบริหารกำลังการผลิต และ บริหารสภาพคล่องทางการเงินของบริษัท (Liquidity) แถมยังเป็นการสูญเสียค่ากระจายสินค้าต่อรอบโดยที่ไม่จำเป็น

เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน ในการทำข้อตกลงทางการค้าระหว่างแบรนด์ เพราะหาก ขนาดของธุรกิจไม่ใกล้เคัยงกัน อาจก่อให้เกิดปัญหาเหล่านี้ในการทำงานร่วมกันได้


วิเคราะห์กลยุทธ์ทางธุรกิจ โดยสรุป ระหว่าง MK Restaurants และ Fire Tiger by Seoulcial Club


กลยุทธ์ทางธุรกิจที่ทั้งสองแบรนด์ตัดสินใจทำร่วมกัน เป็นการส่งเสริม เติมเต็มในส่วนที่ตนเองยังขาด ซึ่งกันและกันในหลายๆด้าน เป็นกลยุทธ์ที่น่าสนใจมาก เพราะเป็นการร่วมมือกันระหว่าง แบรนด์เครือร้านอาหาร และ แบรนด์ชานมไข่มุก ถือเป็นการร่วมมือกันของผู้ประกอบการอุตสาหกรรมอาหารแต่จัดอยู่คนละประเภท กล่าวคือ ร้านอาหาร และ ร้านน้ำหวาน

ซึ่งมองว่า ลักษณะของกลุ่มลูกค้ามีความคล้ายคลึงกัน กลุ่มลูกค้าอยู่ในระดับเดียวกัน และกลยุทธ์นี้มีโอกาสประสบความสำเร็จ จาก “พฤติกรรมของลูกค้า” บางส่วนที่ต้อง “ทานคาวต้องทานหวาน” และถือเป็นการเพิ่มยอดขายซึ่งกันและกันมากกว่า

รวมถึงการขยายสาขาไปทั่วประเทศไม่ใช่เรื่องที่ทำกันได้โดยง่าย ต้องอาศัยปัจจัยหลายๆอย่างๆ การได้รับความร่วมมือจากเครือร้านอาหารระดับประเทศ เป็นสิ่งที่ช่วยเกื้อหนุนธูรกิจซึ่งกันและกันได้อย่างดี และจะทำให้แบรนด์สามารถทราบข้อมูลทางการตลาดอย่างครบถ้วยและมากเพียงพอ ก่อนตัดสินใจในการขยายตลาดไปยังภูมิภาคต่างๆภายในประเทศ

สุดท้ายนี้ .. การทำธุรกิจย่อมมีปัญหาและอุปสรรคเป็นของธรรมดา ไม่มีใครที่ไม่พบเจอปัญหา และการดำเนินกลยุทธ์ทางธุรกิจย่อมมีทั้งผลลัพธ์ที่ดี และผลลัพธ์ที่ส่งผลในด้านลบ มีทั้ง ข้อดี ข้อเสีย

แต่การทำอะไรใหม่ๆ รวมเป็นสิ่งที่ไม่คุ้นเคย แต่เป็นสิ่งที่น่าสนใจ น่าติดตาม น่านับถือ เพราะเป็นสิ่งที่ไม่มีใครทำ ถึงจะมีปัญหาและอุปสรรคบ้าง แต่เราเชื่อเสมอว่า สิ่งเหล่านี้เป็นที่ที่จะทำให้ธุรกิจได้เรียนรู้ และทำให้เกิดความแข็งแกร่งทั้งธุรกิจ และ พนักงาน

อย่างเช่น การที่พนักงานนั้นไม่คุ้นเคย แต่เมื่อทำไปนานๆย่อมเกิดการพัฒนาและความเคยชิน และเป็นทักษะที่จำเป็นอย่างมากในยุคปัจจุบัน หรือ บางเรื่องที่เกิดขึ้น อาจไม่ถึง “ผู้บริหารระดับบน” เพราะพนักงานระดับปฏิบัติการอาจจะไม่กล้าเรียนแจ้งไปตรงๆ

และสิ่งที่เรา “แจมเพย์” ทำคือ มองปัญหา (Pain Point) ทั้งในมุมของลูกค้าว่าเราเป็นลูกค้าเราเจออะไร หรือ ลูกค้าท่านอื่นๆเจออะไร พนักงานเองต้องเจอปัญหาอะไร และแบรนด์เองอาจจะต้องพบเจออะไร ไปพร้อมๆกัน เป็นการมองอย่างรอบด้าน เพื่อประโยชน์ของทุกฝ่าย รวมถึงผู้อ่านที่ได้อ่านบทความนี้.

หมายเหตุ : บทความนี้ เป็นเพียงมุมมองส่วนตัวมุมมองหนึ่งในการวิเคราะห์เท่านั้น หากต้องการนำไปอ้างอิงประกอบการศึกษา สามารถทำได้ โดยผู้อ่านสามารถค้นหาบทความอื่นๆจากหลายๆแหล่งที่มาเพิ่มเติม เพื่อความเข้าใจที่เพิ่มขึ้น หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้อ่าน รวมถึงการศึกษาไม่มากก็น้อย 

อ้างอิง:
เกี่ยวกับร้านอาหารเอ็มเค
เกี่ยวกับชานมไข่มุกเสือพ่นไฟ