Solo Travel in Tokyo เที่ยวโตเกียวคนเดียว DAY2
Solo Travel in Tokyo เที่ยวโตเกียวคนเดียว – DAY2
สำหรับใช้เช้าวันที่ 2 .. ของการเที่ยวโตเกียวคนเดียวในครั้งนี้ เราตื่นตั้งแต่เช้า มานั่งวางแผนว่า เราจะไปหาซื้อหัวชาร์จกล้องอย่างไร จะเดินไปทิศไหน ร้านจะอยู่บนเส้นทางที่เราจะไปไหม รวมถึงกระเป๋าเดินทางใบใหม่ เราจะไปหาจากที่ไหน
เราเริ่มวางแผนการออกไปข้างนอก โดยให้ความสำคัญกับกล้องมากกว่า เพราะกระเป๋าเดินทางน่าจะหาได้ไม่ยากนัก แต่กลับกัน หัวชาร์จกลับรู้สึกว่า น่าจะหาซื้อได้ยากกว่า คงจะต้องเป็นร้านขายเฉพาะทาง เพราะ ตามร้านสะดวกซื้อแต่ละแบรนด์ไม่มีจำหน่ายเลย
เราจึง “ค้นหา” (Google) ใน Google Maps ว่า Electronic Store, Camera Store ก็ไปเจอ BIC Camera อยู่ทิศล่างของสถานีโตเกียว เราว่าร้านนี้แหละ โอกาสน่าจะมีสูง โหงวเฮ้งได้ ชื่อเหมือนร้านขายอุปกรณ์กล้อง BIG Camera บ้านเรา แถมมี Camera ต่อท้าย ถ้าทางร้านไม่มีอุปกรณ์กล้องขายครบวงจร ก็ไม่รู้จะไปหาซื้อที่ไหนแล้วหล่ะ และที่เราหาคือ กล้อง FUJIFLIM จากประเทศญี่ปุ่น เราแอบตำหนิในใจเล็กๆว่า “เห้ย แกมาจากประเทศญี่ปุ่นนะ ทำไมหัวปลั๊กแกไม่เป็นหัวแบนหล่ะ”
ทั้งนี้ ทิศล่างในความหมายของเราก็คือ เวลาดูใน กูเกิลแมพ ก็นึกและมองภาพเป็น บน-ล่าง ซ้าย-ขวา
แต่ยังไม่ถึงเวลาเปิดทำการ ก็เลยตัดสินใจ ใช้การเดินเล่นไปด้วย เพื่อให้ไปถึงในเวลาเปิดทำการพอดี และในเมื่อร้านนี้อยู่ทิศล่างของโรงแรมที่พักของเรา วันนี้ทั้งวัน เราจะเดินสำรวจทิศด้านล่างไปเรื่อยๆแล้วกัน แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ คือ ต้องหาซื้อหัวชาร์จจากร้านบนเส้นทางนี้ให้ได้ก่อน
Remind: ทำความเข้าใจร่วมกัน
- สิ่งที่จะได้มากกว่า (Values) คือ สิ่งที่ได้จากการสังเกต มุมมองในการดำเนินธุรกิจ การตลาด และ การลงทุน มุมมองของผู้บริโภค รวมถึงมุมมองที่เข้าใจ “มือใหม่” เพราะ บางครั้งคนเราเขินอายที่จะถามคนอื่นว่าตัวเองไม่รู้ แต่สิ่งเหล่านี้ต่างหากที่เราว่ามีคุณค่ากับผู้อ่าน .. นอกเหนือภาพสวยๆ และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เพราะเราถ่ายรูปไม่เก่ง และภาพถ่ายจะไม่มีการแต่ง เกิดจากการปรับแสงหลังกล้องเฉยๆ ไม่มีการปรับความตรงใดๆ อาจจะดูเบี้ยวๆนิดนึง เพราะถ่ายมาเยอะมากครับ และจัดการภาพเยอะๆไม่เป็นด้วย และการไปครั้งนี้เราแทบไม่มีข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวอะไรมากมาย
- จะมีการแสดงโฆษณาคั่นระหว่างบทความ (In-Article Ads) โดยทางเราจะระมัดระวังไม่ให้ขัดกับประสบการณ์ในการอ่านของผู้อ่านทุกท่าน เพื่อเป็นเงินทุนในการพัฒนาคุณภาพของเว็บไซต์ต่อไป และหากมีผู้ใหญ่ใจดีสนับสนุนบทความ ผู้อ่านทุกท่านจะได้รับประสบการณ์การอ่านแบบไม่มีโฆษณา
- เพื่อเพิ่มอรรถรส (Utilities) เราจะมีชื่อเพลงที่เราเปิดในตอนนั้นระบุไว้ให้ ผู้อ่านสามารถเปิดเพลงนั้นๆเป็นพื้นหลังระหว่างการอ่านได้เช่นกัน เหมือน คุณผู้อ่านเข้ามาชมห้องแสดงงานศิลปะของเรา จะได้เข้าถึงอารมณ์และความรู้สึกขณะบันทึกภาพเหล่านั้น
- เป็นใช้การพิมพ์เนื้อหาแบบบอกเล่ายาวๆ (Long Take) บางครั้งด้วยการพิมพ์จำนวนมากๆ คำผิดต่างๆ ที่อาจจะ “เล็ดลอด” สายตาเราไปได้ แต่เรากลับมาอ่านอีกครั้งเสมอ และพยายามแก้ไขคำไทยให้ถูกเสมอ หรือหากพบเห็น ก็สามารถแจ้งทางเราได้ และเมื่อแก้ไขแล้ว จะมีเครื่อง “…” ไว้ให้ เพื่อเป็นคำที่ถูกต้อง รวมถึงมี (…) ภาษาอังกฤษไว้ให้ สำหรับคำที่เรามองว่าเป็นประโยชน์
- ATM (ตู้เอทีเอ็ม) ทำไมถึงไม่มีแบงค์ 20 ให้กดกันนะ?
- ผลกระทบ โควิด19 (COVID-19) ต่อเศรษฐกิจของประเทศไทย
- การเลือกตั้ง ส่งผลดีกับ เศรษฐกิจ อย่างไร?
Solo Travel in Tokyo เที่ยวโตเกียวคนเดียว – DAY2
วันที่ 2
ตามหาร้านขายหัวปลั๊กและร้านขายกระเป๋าเดินทาง
PAIN POINT #3 : จะหาซื้อ Universal Adapters ได้จากที่ไหน หากลืมนำมาด้วย?
หลังจากวางแผนการเดินทางในวันนี้เรียบร้อยแล้ว เราก็มุ่งตรงไปที่ Bic Camera เพื่อหาซื้อตัวแปลงที่เข้ากันได้กับ สายชาร์จของกล้อง FUJIFILM ของเรา
ไปถึงที่ Bic Camera ก็เดินเข้าไปในร้าน ชั้น 1 ตรงที่ที่แผนกสายชาร์จด้านในสุด พกความหวังมาเต็มเปี่ยม ไปไล่เดินดู พบว่าไม่มีเลย เลยไปถามพนักงานว่า Universal Adapter อยู่ตรงไหน แต่พนักงานไม่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ ก็ยืนงงกันอยู่พักหนึ่ง
เราก็นึกขึ้นมาได้ว่า เวลาที่คนญี่ปุ่นต้องเดินทางไปต่างประเทศ ก็ต้องไปหาซื้อตัวแปลงหัวชาร์จ ที่เป็นหัวชาร์จในภูมิภาคอื่นๆติดตัวไปด้วยนี่ เลยลองพูดไปว่า “Global” และ “Travel” ตามด้วย Adapter พนักงานทั้ง 2 คนถึงทำท่าที อ๋อ แล้วก็บอกเราว่า Sixth Floor .. เราเลยคิดว่า การพูดว่า “Travel Adapters” น่าจะตรงจุดมากที่สุด ในการสื่อสารให้เข้าใจทั้งสองฝ่ายได้ง่ายที่สุด
เราก็ไปโดยที่ไม่รู้หรอก ว่าที่ชั้น 6 (6th Floor) มีอะไร ก็ขึ้นลิฟท์ไป พอประตูลิฟท์เปิด สิ่งแรกที่เห็นคือ แผนกกระเป๋าเดินทาง นึกในใจ โอเค ได้ที่ซื้อกระเป๋าเดินทางแล้ว รอดไปแล้วหนึ่งปัญหา
แต่ทีนี้ หัวชาร์จ” ที่เราต้องการหล่ะ .. มีไหม? เราเดินเข้าไปถาม “Travel Adapter” พนักงานก็พาไปดู เราก็บอกว่า เรามีตัวอย่างหัวชาร์จมาด้วยนะ แล้วก็หยิบสายชาร์จออกมาให้ดู
พนักงานก็บอกว่า อ๋อ ถ้าเอาแค่นี้ ก็เป็นหัวแปลงธรรมดาก็มี ไม่ต้องถึงกับใช้ Universal Adapter เพราะ จะได้ประหยัดกว่า เขาก็พาเราเดินไปดู เลยได้ซื้อมา อันละ 463 เยน (JPY) จำได้ขึ้นใจเลย
เราโล่งอกมากๆ ได้ทั้งหัวชาร์จ และ ที่ซื้อกระเป๋าเดินทาง แต่กระเป๋าเดินทาง คิดว่าเดี๋ยวมาซื้อวันจะกลับก็ได้ ตอนนี้ต้องหาที่ชาร์จกล้อง เพื่อไปเดินสำรวจตามที่วางแผนไว้ก่อนดีกว่า
เอาตรงๆ ถ้าคุณเข้ามาเดินหาเอง แล้วไม่ได้ถามเขา คุณไม่มีทางหาเองเจอแน่ๆ แต่เราก็คิดไปถึงว่า ถ้าคนญี่ปุ่นต้องไปต่างประเทศ เขาก็ต้องเตรียมหัวซื้อปลั๊กต่างๆเหล่านี้ไว้เหมือนกัน จนได้มาเจอในที่สุด ถ้าเราไม่ถามเขาแบบนั้น เราอาจจะเดินเข้ามาแค่ชั้น 1 ที่แผนกหัวชาร์จ สายชาร์จ เมื่อหาเองไม่เจอ ก็ออกจากร้าน โดยไม่ได้ขึ้นไปชั้นอื่นๆ รวมถึง ชั้น 6 ซึ่งเรามองว่า ชั้น 6 เป็นชั้นที่สำหรับ คนญี่ปุ่นที่เตรียมของเดินทางไปยังต่างประเทศ เพราะ มีครบทุกอย่าง ตั้งแต่กระเป๋าเดินทาง ไปยันของเบ็ดเตล็ด


Song : ♫ Sleepwalking (Live Session) – This Wild Life
หลังจากได้ Universal Travel Adapter มา
เมื่อได้หัวชาร์จมาแล้ว ลองแกะกล่องเสียบแล้วใช้ได้ ชาร์จเข้า สิ่งที่ต้องทำขึ้นต่อไปก็คือ การหาสถานที่ชาร์จแบตฯ กล้อง ซึ่ง “สถานที่แรกที่เรานึกถึง” คือ Starbucks เพราะ การวางนโยบายด้าน Brand ของสตาร์บัคส์ ที่ทำให้เราหรือ คนอื่นๆ นึกถึงเรื่อง “บ้านหลังที่ 3” มันทำให้เรา “รู้สึกปลอดภัย” มากๆ เหมือน Safe Zone ที่คุณเข้าไป จะรู้สึกว่า พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือคุณ หรือ เหมือนคุณได้กลับบ้าน
หากคุณทำธุรกิจ หรือ วางแผนการทำธุรกิจอยู่ การทำให้ลูกค้าของคุณรู้สึกแบบนี้ได้ แสดงว่า สิ่งที่คุณวางเอาไว้คุณประสบความสำเร็จแล้ว และแบรนด์ของคุณเป็นที่จดจำและแข็งแกร่งมาก
ในการเดินทางครั้งหน้า เราจะเตรียมและวางแผนให้ดีกว่านี้ การมาครั้งนี้ ขออาศัย Starbucks เป็น “บ่อน้ำ” ที่ชาร์จไฟแบตฯกล้อง แล้วกัน เพราะ เราตั้งใจเดินสำรวจแบบทั้งวัน และจะกลับที่พักทีเดียว จึงก็ถือโอกาสนั่งพักทานกาแฟ ฟังเพลง ด้วยความโล่งอก ผ่อนคลาย มองดูผู้คน มองดูสิ่งต่างๆไปด้วย
ด้วยความที่ดีใจ โล่งใจ ที่ได้หัวชาร์จและได้นั่งพัก ก็พร้อมจะถ่ายรูปลงโซเชียล เพื่อบอกเล่าเรื่องราวความรู้สึกในขณะนั้น ในโฟกัสของกล้อง ส่องไปเห็น ace. ซึ่งเราจำได้ว่า เราเคยค้นหาว่า กระเป๋าที่เราได้เป็นของขวัญมานี้ มันของแบรนด์อะไร ก็พบว่าเป็น รุ่น Kanana Project โดย ace. เป็นความบังเอิญที่น่าสนใจ ในตอนนั้นเรารู้สึก หัวใจพองโต อบอุ่นหัวใจมากๆ มันอธิบายความรู้สึกไม่ถูก เหมือนมันได้พบเจอสิ่งที่ต้องการพร้อมๆกันในวันเดียว หลังจากที่เมื่อวานมีเรื่องให้ต้องคิดวางแผนรับมือมากมาย เราก็นั่งทานกาแฟไปเรื่อยๆ
เราก็นั่งสังเกตไป คนญี่ปุ่นนำกระดาษทิชชู (Tissue Paper) มาวางรองแก้วของตนเอง จะเห็นได้จากมองซ้ายของภาพ โดยหลังจากที่เราเห็น เราก็เดินไปหยิบกระดาษมาทำตามบ้าง


เราก็นั่งดูว่า เราจะเดินไปด้านล่างต่อเรื่อยๆ ก็เปิดแผนที่ดู แต่พบว่าในแผนที่ บนถนนเส้นหน้าโรงแรมของเรา มีการแสดงว่า มี “Nihonbashi-Kyobashi Fest” เวลา 11.20 น. เรามองว่ามันน่าสนใจมาก งานอะไรเราก็ไม่เคยรู้มาก่อน เราเลยตัดสินใจว่าจะเดินกลับไปหลังจากทานกาแฟเสร็จ




ก่อนจะเดินออกจากร้าน มีพนักงาน 2-3 คน กำลังยืนนำเสนอให้กลุ่มคนประมาณ 5-6 คน คิดว่าคงจะเป็นปกติของการประเมินพนักงานภายในร้าน เราก็พยายามเดินผ่านแบบโค้งตัวเล็กน้อย และเราก็กำลังจะนำแก้วไปทิ้งถังขยะ
สิ่งที่เจอ อาจจะทำให้ใครหลายๆคนชะงักได้ นั่นคือ การแยกขยะที่ละเอียดมาก กระดาษ (Papers) แก้วพลาสติก (Plastic Cups) พลาสติก (Plastics) แก้วกระดาษ (Paper Cups) หลอด (Plastic Straw) ของเหลว (Liquid) เช่น น้ำแข็ง หรือน้ำที่เหลือ
แต่เท่าที่มองดูก็พบขยะถูกทิ้งปนกัน คาดว่าน่าจะมาจากความเคยชินของคนในประเทศอื่นๆ แต่เราก็ลองทิ้งแบบแยกทั้งหมดดู มันก็น่าสนุกดี


ต้องไม่ลืมที่จะถ่ายรูป Bic Camera เอาไว้ ซึ่งเป็นสถานที่ที่เราหาสิ่งที่เป็น Pain Point ของคนส่วนใหญ่เจอ เผื่อว่าเราจะได้นำไปบอกคนอื่นด้วย
แล้วเราก็ออกเดินเท้าต่อ เพื่อไป Nihonbashi-Kyobashi Fest ..






ภาพแสดงให้เห็นคนจำนวนมาก ออกมาเดินจับจ่ายใช้สอยในบริเวณย่านการค้าแห่งนี้
ภาพของผู้คนยืนรอต่อแถวกันเพื่อทำอะไรสักอย่าง อันนี้เราไม่ทราบข้อมูลที่แน่ชัด
พบคุณลุงกับคุณป้าคู่หนึ่ง กำลังจะข้ามถนนไปพร้อมกับเรา ก่อนที่เราจะเริ่มได้ยินเสียงเพลง และเสียงผู้คน แสดงให้เห็นว่า เราใกล้ถึงงานเทศกาลแล้ว
ตามที่แผนที่บอกเรา งานนี้ชื่อ “Nihonbashi-Kyobashi Fest” ซึ่งตอนนั้นเราก็ไม่มีข้อมูลว่ามันคืองานอะไร เห็นเพียงแต่ว่า มีเด็กๆจำนวนมาก กำลังทำกิจกรรมต่างๆ เล่นเกมส์ การละเล่นต่างๆ โดยให้เด็กๆเล่นเป็นทีม เพื่อแข่งกับผู้ใหญ่ 1-2 คน จึงคิดเอาเอง โดยดูจากภาพรวมทั้งหมด ในตอนนั้นว่า มันเป็น “วันเด็ก” ของที่นี่ หรือเปล่านะ
แต่ก็คิดว่า ถ่ายรูปก่อน เดี๋ยวค่อยมาหาข้อมูลทีหลังว่า มันคืองานเทศกาลเกี่ยวกับอะไรกันแน่ ก็ได้ภาพถ่ายมาให้ทุกท่านรับชมประมาณนี้ ไปรับชมกันเลย ..
Song: ♫ You Changed Everything – This Wild Life