หุ้น เล่นยังไง? วันนี้เราจะมาทำความรู้จักเจ้าการลงทุนตัวนี้กัน คำถามที่หลายๆคนสงสัย และไม่รู้จะต้องเริ่มต้นอย่างไร จะเลือกหุ้นอย่างไร วันนี้เราจะมาทำความรู้จักเจ้าการลงทุนตัวนี้กัน เริ่มต้น เล่นหุ้นอย่างไร มือใหม่หัดเล่นหุ้น ลงทุนหุ้นอย่างไร.. เกี่ยวข้องกับ ตลาดหุ้น, หุ้น, หุ้น ไทย, settrade, set index, set50, etf, ssf, rmf, ltf อย่างไร
“หุ้น เล่นยังไง?” .. วันนี้เราจะมาทำความรู้จักเจ้าการลงทุนตัวนี้กัน
เคยไหม? .. ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง ต้องทำอะไรยังไงบ้าง ไม่รู้จะถามใคร หากได้อ่านบทความเรื่อง “หุ้น คืออะไร? แล้วเราจะได้อะไรจากการเล่นหุ้นบ้าง?” กันมาแล้ว หรือ ไม่ศึกษากันมาเบื้องต้นบ้างแล้ว แต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี วันนี้เราจะมาทำความรู้จักเจ้าการลงทุนตัวนี้กัน โดยหลัก ๆ การเริ่มต้นลงทุนในหุ้นจะมีขั้นตอน ดังนี้
- หุ้น เล่นยังไง? .. วันนี้เราจะมาทำความรู้จักเจ้าการลงทุนตัวนี้กัน
- หุ้น คืออะไร? แล้วเราจะได้อะไรจากการเล่นหุ้นบ้าง?
- เลือกหุ้น ให้เหมือนเลือกคู่ชีวิต (สำหรับนักลงทุนแบบ VI)
1.เปิดบัญชีหลักทรัพย์ (หรือ เปิดบัญชีหุ้น หรือ เปิดพอร์ตหุ้น)
จะซื้อขายหลักทรัพย์ใดๆ ก็ต้องมี บัญชีสำหรับซื้อขายเสียก่อน โดยแนะนำให้ทุกท่าน ศึกษาข้อมูล สิทธิประโยชน์ ค่าคอมมิชชั่น ค่าธรรมเนียม ต่ำของการโอนเงินเข้าและถอนเงินออกจากพอร์ต ของแต่ละบริษัทหลักทรัพย์ (บลจ.) ที่ท่านพึงพอใจ ก่อนตัดสินใจเลือกเปิดบัญชีซื้อขายกับ บลจ.นั้นๆ
ปัจจุบันการเปิดบัญชีหลักทรัพย์จากบริษัทหลักทรัพย์ต่างๆ ทุกท่านสามารถทำได้ผ่านออนไลน์แล้ว ทำให้การยืนยันสำเนาเอกสารต่างๆ ง่ายยิ่งขึ้น รวมถึงการทำ KYC (Know Your Customer) เพื่อเป็นข้อมูลและวัดระดับความเสี่ยงที่เรายอมรับได้ก่อนการเริ่มลงทุน เอกสารหลักๆที่ประกอบการสมัครก็จะมี ดังนี้
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน (ต้องอายุ 20 ปีบริบูรณ์)
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- สำเนาหน้าบัญชีธนาคาร (หน้าบุ๊คแบงค์) ประเภทออมทรัพย์
ทำการเลือกว่าท่านจะลงทุนแบบไหน ระหว่าง “Cash Balance” หริอ “Credit Balance”
บัญชีแคชบาลานซ์ (Cash Balance / Cash Deposit) คือ บัญชีซื้อขายหุ้นที่นักลงทุน ต้องฝากเงินไว้กับโบรกเกอร์ที่เปิดบัญชีซื้อขาย หากสั่งซื้อหุ้น เงินจะถูกหักออกจากบัญชีทันที ดังนั้น ก่อนส่งคำสั่งซื้อขายนักลงทุนต้องตรวจสอบว่ามีเงินในบัญชีที่เพียงพอสำหรับ ชำระค่าซื้อหุ้นหรือไม่ พูดง่ายๆ คือ “จะซื้อต้องมีเงิน จะขายต้องมีหลักทรัพย์” นั่นเอง กรณีที่วงเงินไม่พอกับมูลค่าหลักทรัพย์ที่ต้องการซื้อ ก็สามารถโอนเงินเพิ่มเข้าบัญชีได้ โดยเงินสดที่ฝากไว้จะได้รับดอกเบี้ยเช่นเดียวกับบัญชีเงินสด ส่วนการขาย นักลงทุนจะส่ง คำสั่งขายได้ก็ต่อเมื่อมีหลักทรัพย์คงเหลืออยู่ในบัญชีเช่นกัน” (ห้องเรียนนักลงทุน Set.or.th)
บัญชีมาร์จิ้น (Margin Account) หรือ เครดิตบาลานซ์ (Credit Balance) เป็นบัญชีที่โบรกเกอร์เปิดเพื่อให้สินเชื่อกับนักลงทุนในการลงทุนซื้อหุ้น โดยนักลงทุนจ่ายเงินซื้อเอง ส่วนหนึ่ง ที่เหลือโบรกเกอร์จะเป็นฝ่ายจ่าย ซึ่งเงินที่โบรกเกอร์จ่ายให้นั้น ถือว่าเป็นเงินส่วนที่ นักลงทุนกู้จากโบรกเกอร์นั่นเอง บัญชีประเภทนี้กล่าวง่ายๆ คือ “มีเงินส่วนหนึ่ง กู้เพื่อลงทุนอีกส่วนหนึ่ง” โดยนักลงทุนต้องนำเงินสดหรือหลักทรัพย์มาวางเป็นหลักประกันการชำระหนี้ก่อนซื้อหุ้นตามสัดส่วนที่โบรกเกอร์ กำหนด เช่น กำหนดสัดส่วนที่ 50% ของวงเงินกู้ ดังนั้น ในการซื้อหุ้น 100 บาท นักลงทุนออกเงินตัวเอง 50 บาท ใช้เงินโบรกเกอร์อีก 50 บาท แน่นอน… นักลงทุนจะต้องจ่ายดอกเบี้ย สำหรับเงินกู้ด้วย” – (ห้องเรียนนักลงทุน Set.or.th)
สำหรับบทความนี้ ข้อแนะนำเฉพาะ “Cash Balance” เพราะจะเหมาะสมสำหรับ “นักลงทุนมือใหม่” (Beginner Investors) มากกว่า เพื่อช่วยบริหารความเสี่ยงให้อยู่ในระดับที่สามารถยอมรับได้นั่นเอง เมื่อทำการสมัครเสร็จแล้วจะมีการให้ยืนยันข้อมูลบัญชีอีกครั้งผ่านอีเมลที่ท่านกรอกไป ท่านก็ทำการยืนยันการเปิดชัญชี และจะได้รับรหัสผู้ใช้และรหัสผ่านมา
2. หุ้น เล่นยังไง อย่างไร ..เริ่มเทรด ซื้อขายหลักทรัพย์ (เทรดหุ้น)
เมื่อเราได้ยืนยันรหัสผู้ใช้ ด้วยอีเมลแล้ว ทุกท่านก็สามารถเข้าไปซื้อขายบนเว็บไซต์ของบริษัทหลักทรัพย์ที่ท่านใช้บริการได้ หรือ อีกเครื่องมือในการซื้อขายหลักทรัพย์ที่สามารถทำได้ คือ Streaming Pro (iOS และ Android)
หลังจากที่เราทำการดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นแล้ว ให้เราทำการนำรหัสผู้ใช้ และรหัสผ่าน เลือกรหัสบริษัทหลักทรัพย์ แล้วล็อคอินเข้าระบบ เมื่อเข้าสู่ระบบ ทุกท่านก็จะได้หน้าต่างตามภาพด้านล่างนี้
3. โอนเงินเข้าบัญชีหลักทรัพย์ (ขอใช้คำแทนว่า “พอร์ตหุ้น”)
เมื่อเข้าไปได้แล้ว แต่เอ๊ะ! ยังไม่มีเงินในพอร์ตเลย แล้วเราจะโอนเงินเข้าพอร์ตอย่างไร ? สำหรับนักลงทุน ที่เลือกการลงทุนแบบ Cash Balanced มีข้อดี คือ เราจะซื้อหลักทรัพย์ เราต้องโอนเงินเข้าพอร์ตก่อนถึงจะซื้อได้
ให้ไปที่ mBanking ของท่าน > “วางบิล” หรือ “จ่ายบิล” หรือ “เติมเงิน” (ตามแต่ละธนาคาร) จากนั้นช่องผู้รับโอน ให้ใส่ รหัสบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (สามารถตรวจสอบได้ในอีเมล hotmail หรือ Gmail ที่ท่านยืนยันบัญชีไว้) แล้วทำรายการโอนเงินเข้าบัญชีหลักทรัพย์ เท่านี้เงินของท่าน จะถูกโอนเข้าสู่พอร์ตโดยทันที
Trips : 1.บันทึกเป็นรายการใช้ประจำเอาไว้เลย เมื่อต้องการโอนอีก จะได้ใส่เพียงจำนวนเงินที่ต้องการโอน 2.การทำรายการต้องแบ่งเงินให้เป็นสัดส่วน เพราะการถอนเงินออกจากพอร์ต ต้องมีขั้นต่ำ และมีระยะเวลา T+2 (2 วันทำการ)
4. เลือกหลักทรัพย์ หรือ หุ้น อย่างไรดี?
วิธีสำหรับการเลือกหุ้นของนักลงทุนมือใหม่ที่ไม่รู้อะไรเลย แม้กระทั้งตัวย่อของบริษัท (ชื่อหุ้น)
- ลองค้นหา (Search) ใน Google ด้วยคำ “xxx หุ้น” เช่น “น้ำปลาตรา xxx หุ้น” หรือ อาจเป็นกิจการที่่ทานอยากเป็นเจ้าของ อยากลงทุน หรือ รู้จัก
- เมื่อได้ชื่อบริษัท หรือชื่อหุ้น มาแล้ว ให้ไปที่เว็บ settrade.com
- ในช่อง Get Quote ให้พิมพ์ชื่อหุ้นลงไป ก็จะได้ข้อมูลหุ้นรายตัว
- จะมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ทั้งสิ้นทั้ง ราคาล่าสุด,ราคาย้อนหลัง, กรรมการบริษัท, ผู้ถือหุ้น, สิทธิประโยชน์ผู้ถือหุ้น ฯลฯ
อ่านเพิ่มเติม :
–เลือกหุ้น ให้เหมือนเลือกคู่ชีวิต (สำหรับนักลงทุนแบบ VI)
–ส่องหุ้น จากอัตราส่วนทางการเงินยอดนิยม (สำหรับมือใหม่!)
–รีวิว ผลตอบแทน จากการลงทุน ด้วยกลยุทธ์ จัดพอร์ตการลงทุน H1/2020
อย่าซื้อหุ้นรายตัวแบบไม่รู้ข้อมูล หรือ กดซื้อแบบมั่วๆ ให้ศึกษาข้อมูลหุ้นรายตัวให้ดีเสียก่อน เอาล่ะ ..เมื่อเราศึกษาอย่างละเอียดในระดับหนึ่ง ก็จะพร้อมสำหรับการซื้อขายหลักทรัพย์กันแล้ว ไปกันที่ข้อต่อไปเลย
5. การซื้อหรือขายหลักทรัพย์ เริ่มต้นอย่างไร?
- ไปที่ Streaming > หน้า Buy/Sell
- ด้านบนสุด เลือก Buy แล้วกรอก ชื่อหุ้น “XXX”
- ในช่อง Volume ให้ใส่จำนวนที่ต้องการซื้อ (**ขั้นต่ำ 100 หุ้น**)
- ในช่อง Price ให้เลือกใส่ราคาที่เราต้องการซื้อ หลังจากนั้นใส่ PIN รหัส 6 ตัว ของเราที่กำหนดเองได้ แล้วกด Buy
- คำสั่งซื้อจะไปอยู่หน้า Portfolio ส่วน Order เมื่อการซื้อขายสมบูรณ์จะขึ้นคำว่า M(Matched)
“ถามตัวเองว่า เรามีแนวทางแบบไหน ลงทุนแบบไหน เป้าหมายเป็นอย่างไร? .. ที่เหลือก็จะเป็นวินัยการลงทุน การศึกษาเพิ่มเติม การติดตามผลการลงทุน ปรับแผนการลงทุนหากไม่เป็นไปอย่างที่หวัง”
อ้างอิง :
–SETTRADE.com
–SET.or.th