Solo Travel in Tokyo เที่ยวโตเกียวคนเดียว DAY7 | Jampay Pain-Poin เป็นวันที่ 6 แล้วสำหรับการมาเที่ยวญี่ปุ่น
Solo Travel in Tokyo เที่ยวโตเกียวคนเดียว DAY7 | Jampay Pain-Point
หลังจากเราเที่ยวชมเมืองมาตลอด 6 วัน วันนี้เป็น Solo Travel ที่ ญี่ปุ่น เป็น วันที่ 7 เราตัดสินใจพักการเดินเที่ยวชมเมือง (Sightseeing) แบบทางไกลไว้ก่อน และเลือกที่จะสนองความต้องการในการทานไก่ทอดของเรา เพราะ เราชอบทานไก่ทอดมาก ๆ (โดยเฉพาะ KFC (เคเอฟซี) ที่ ประเทศไทย)
จึงตัดสินใจที่จะลองทานและรีวิว ไก่ทอดและของทอด จาก ร้านสะดวกซื้อแบรนด์ต่าง ๆ ที่ประเทศญี่ปุ่น และใช้เส้นทางในการเดินไม่ไกลมากนัก รอบ ๆ เมือง บริเวณที่พัก รวมถึงสำรวจสินค้าตามร้านค้า หรือ ห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ บริเวณใกล้เคียง เพื่อทำความเข้าใจมากยิ่งขึ้น
เอาหล่ะ วันนี้เรามีอะไรมานำเสนอให้ทุกคนกันบ้าง .. ไปเริ่มต้นติดตามกันเลย
Remind: ทำความเข้าใจร่วมกัน
- สิ่งที่จะได้มากกว่า (Values) คือ สิ่งที่ได้จากการสังเกต มุมมองในการดำเนินธุรกิจ การตลาด และ การลงทุน มุมมองของผู้บริโภค รวมถึงมุมมองที่เข้าใจ “มือใหม่” เพราะ บางครั้งคนเราเขินอายที่จะถามคนอื่นว่าตัวเองไม่รู้ แต่สิ่งเหล่านี้ต่างหากที่เราว่ามีคุณค่ากับผู้อ่าน .. นอกเหนือภาพสวยๆ และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เพราะเราถ่ายรูปไม่เก่ง และภาพถ่ายจะไม่มีการแต่ง เกิดจากการปรับแสงหลังกล้องเฉยๆ ไม่มีการปรับความตรงใดๆ อาจจะดูเบี้ยวๆนิดนึง เพราะถ่ายมาเยอะมากครับ และจัดการภาพเยอะๆไม่เป็นด้วย และการไปครั้งนี้เราแทบไม่มีข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวอะไรมากมาย
- จะมีการแสดงโฆษณาคั่นระหว่างบทความ (In-Article Ads) โดยทางเราจะระมัดระวังไม่ให้ขัดกับประสบการณ์ในการอ่านของผู้อ่านทุกท่าน เพื่อเป็นเงินทุนในการพัฒนาคุณภาพของเว็บไซต์ต่อไป และหากมีผู้ใหญ่ใจดีสนับสนุนบทความ ผู้อ่านทุกท่านจะได้รับประสบการณ์การอ่านแบบไม่มีโฆษณา
- เพื่อเพิ่มอรรถรส (Utilities) เราจะมีชื่อเพลงที่เราเปิดในตอนนั้นระบุไว้ให้ ผู้อ่านสามารถเปิดเพลงนั้นๆเป็นพื้นหลังระหว่างการอ่านได้เช่นกัน เหมือน คุณผู้อ่านเข้ามาชมห้องแสดงงานศิลปะของเรา จะได้เข้าถึงอารมณ์และความรู้สึกขณะบันทึกภาพเหล่านั้น
- เป็นใช้การพิมพ์เนื้อหาแบบบอกเล่ายาวๆ (Long Take) บางครั้งด้วยการพิมพ์จำนวนมากๆ คำผิดต่างๆ ที่อาจจะ “เล็ดลอด” สายตาเราไปได้ แต่เรากลับมาอ่านอีกครั้งเสมอ และพยายามแก้ไขคำไทยให้ถูกเสมอ หรือหากพบเห็น ก็สามารถแจ้งทางเราได้ และเมื่อแก้ไขแล้ว จะมีเครื่อง “…” ไว้ให้ เพื่อเป็นคำที่ถูกต้อง รวมถึงมี (…) ภาษาอังกฤษไว้ให้ สำหรับคำที่เรามองว่าเป็นประโยชน์
- แจมเพย์ (Jampay) เปิดพื้นที่ให้ธุรกิจต่างๆ ประชาสัมพันธ์ธุรกิจ ฟรี!
- Work From Home Platform | “แพลตฟอร์ม สำหรับทำงานที่บ้าน” สัญชาติไทย
- Dark Mode เขาทำมาเพื่ออะไรกันนะ?
เริ่มต้นออกเดินเที่ยวชมเมือง (Sightseeing) อีกครั้ง ในเช้าวันที่ 7 ของการ Solo Travel ใน โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
วันนี้อากาศค่อนข้างเย็นกว่าปกติ อุณหภูมิแบบนี้หมีกรีซลีอย่างเรา จำเป็นต้องออกเดินทางตามหาของทอด ไก่ทอด เพื่อนำโปรตีนและไขมันเข้าสู่ร่างกาย เพื่อทำให้เรากำลังในการเดิน ฟื้นฟูกล้ามเนื้อ และทำให้หัวใจพองโต
แต่ก่อนที่จะไปหาอะไรทาน เราสะดุดตาเข้ากับร้านค้าร้านหนึ่ง ไม่ไกลจากบริเวณที่พักของเรามากนัก มองเข้าไปภายในร้าน เราสะดุดตากับสีสัน ความหลากหลาย ของ บรรจุภัณฑ์ของสินค้าภายในร้านแห่งนี้ จึงไม่พลาดที่จะเข้าไปเดินสำรวจและถ่ายภาพไว้เพื่อนำมาเป็นตัวอย่างให้กับผู้อ่านทุกท่านที่สนใจในเรื่อง ตัวอย่างการออกแบบบรรจุภัณฑ์ของสินค้า ของประเทศญี่ปุ่น ที่ขึ้นชื่อเรื่องความสวยงามและสะดุดตา โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้อ่านที่เป็นผู้ประกอบการรายย่อย หรือ ธุรกิจตั้งไข่ ที่อาจจะยังไม่มีทุนทรัพย์เพียงพอ หรือ อาจจะยังไม่มีโอกาสได้เดินทางไปสำรวจด้วยตนเอง
MEIDI-Ya Store Tokyo, Japan
ห้างสรรพสินค้า MEIDI-YA หากจะให้อธิบายลักษณะ มีลักษณะคล้ายกับ Lemon Farm และVilla Market ที่ประเทศไทย ที่เน้นขายสินค้าที่คุณภาพเยี่ยม (Best Quality Products) สินค้าดีเกรดพรีเมียม (Premium Products)
ดังนั้น กลุ่มเป้าหมาย หรือ กลุ่มลูกค้าที่มาเดินจับจ่ายใช้สอยภายในห้างสรรพสินค้า หรือ ร้านสะดวกซื้อ เหล่านี้ ก็พอที่จะอนุมานได้ว่า เป็นกลุ่มลูกค้าที่ใส่ใจในอาหารที่รับประทาน ใส่ใจสุขภาพ คัดสรรและคัดเลือกวัตถุดิบที่ดี ที่มีคุณภาพ หรือ เน้นที่การคัดเลือกสินค้าธรรมชาติให่แก่ตนเอง เป็นกลุ่มลูกค้ารายได้ปานกลางถึงรายได้สูง ที่มีกำลังซื้ออยู่พอสมควร เพราะเหตุผลทางด้านราคา
ตัวอย่างการออกแบบบรรจุภัณฑ์ (Packaging Design) ของ สินค้าในประเทศญี่ปุ่น (Japanese Products)
ด้วยความที่ MEIDI-YA เป็นห้างสรรพสินค้าที่จำหน่ายสินค้าพรีเมียม (Premium Products) ดังนั้น รูปแบบบรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ที่ วางอยู่บนชั้นวาง จะมีบรรจุภัณฑ์ที่สวยงาม บ่งบอกความเป็นสินค้าชั้นเลิศ ด้วยสีสันและการออกแบบที่หลากหลาย เหมาะสมอย่างยิ่งที่ทางเราจะได้ถ่ายและนำภาพถ่ายเหล่านี้กลับมาฝากผู้อ่านทุกท่าน
ตัวอย่างการออกแบบบรรจุภัณฑ์ (Packaging Design) ของ สินค้าในประเทศไทย (Thai Products)
สำหรับการออกแบบบรรจุภัณฑ์สำหรับผลิตภัณฑ์ของประเทศไทย เราสามารถเห็นตัวอย่างเหล่านี้ได้ตาม ห้างสรรพสินชั้นนำ หรือ เราเจาะจงเป้าหมาย อาทิ เราเป็นผู้ประกอบการที่ต้องการเจาะกลุ่มเป้าหมาย หรือ กลุ่มลูกค้า ที่มีกำลังซื้อ มีรายได้ปานกลางขึ้นไป เราก็ควรที่จะศึกษาผู้ประกอบการรายอื่น ๆ ในตลาด ว่าตอนนี้เขากำลังทำอะไรกัน แล้วสิ่งที่พวกเขาทำนั้นประสบความสำเร็จหรือไม่ รวมถึงมีอะไรที่เราสามารถเรียนรู้จากเขาได้บ้าง
แจมเพย์ขอยกตัวอย่างทั้ง 3 แบรนด์นี้เป็นกรณีศึกษาให้กับผู้อ่านทุกท่าน ทำความเข้าใจ และมองเห็นภาพของผลลัพธ์ นอกจากจะพัฒนาผลิตภัณฑ์แล้ว การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ หรือ การออกแบบบรรจุภัณฑ์ ยังเป็นสิ่งที่ช่วยส่งเสริมให้ธุรกิจเหล่านี้ประสบความสำเร็จได้
รวมถึงขยายความเพิ่มเติมว่า หากเราเป็นธุรกิจขนาดย่อม หรือ ธุรกิจใหม่ตั้งไข่ งบประมาณในการวิจัยและพัฒนายังไม่เพียงพอ ขอเพียงให้เราเข้าใจว่า มีโอกาสสูงที่สินค้าหรือผลิตภัณฑ์ของแบรนด์เหล่านี้ ที่จะผ่านการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์และบรรจุภัณฑ์มาแล้ว และการศึกษาจากแบรนด์ใหญ่ ๆ เป็นวิธีที่รวดเร็วมากที่สุด แต่เราจำเป็นต้องเข้าใจเหตุผลว่าเขาทำสิ่งเหลานี้ไปเพื่ออะไรนั่นเอง
KUNNA คันนา
สำหรับแบรนด์ KUNNA หรือ คันนา “Snacks Made Healthy” เลือกใช้การไล่สี (Gradient Color) โดยยึดสีหลัก เป็นสีจากวัตถุดิบที่นำมาผลิต อาทิ มะม่วง ทุเรียน มะพร้าว เป็นต้น รูปแบบอักษร (Fonts) เหมือนกับรูปแบบอักษรของตราสินค้า และมีการใช้การพิมพ์หมึกสีทอง (Gold Spot UV Printing) ของบนผลิตภัณฑ์บริเวณตราสินค้า แสดงถึงความเป็นสินค้าชั้นเลิศ (Premium Products)
JIRAPORN – จิราพร
สำหรับแบรนด์ JIRAPORN – จิราพร “Best Selected 110 Days” จากภาพแสดงให้เห็นประเภท “สินค้าจากธรรมชาติ” (Organic Products) โดยทางแบรนด์ เลือกใช้ต้นกล้วยและสีเขียว อาจเพื่อแสดงให้เห็นถึงความเป็นธรรมชาติ และด้วยบรรจุภัณฑ์สีขาว สื่อถึงความเป็นสินค้าออร์แกนิคได้ดีเช่นกัน รูปแบบอักษร (Fonts) ดูต่างออกไปจาก รูปแบบอักษรของ ตราสินค้า (Brand Logo) อาจเพราะต้องการให้ผลิตภัณฑ์นี้ดูเป็นมิตร เข้าถึงง่ายมากยิ่งขึ้น
ในส่วนของแบรนด์ จิราพรไม่ได้พิมพ์หมึกทองบริเวณตราสินค้าในผลิตภัณฑ์นี้ ในขณะที่ผลิตภัณฑ์เดียวกันในแบบปกติมีการพิมพ์หมึกสีทองลงไป อาจจะด้วยเหตุผลในด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์ เป็นต้น
Starbucks Thailand – สตาร์บัคส์
สำหรับ Starbucks Thailand ไม่ใช่แบรนด์ไทยเสียทีเดียว แต่การที่ แบรนด์ระดับโลก (Global Brand) แบบนี้ มาทำสินค้าเพื่อจำหน่ายภายในประเทศไทย แน่นอนว่า ต้องอาศัยการวิจัยและพัฒนาสินค้าและบรรุภัณฑ์ที่เหมาะสมกับพฤติกรรมของคนไทยนั่นเอง จึงสามารถใช้เป็นตัวแทนของสินค้าของประเทศไทยได้ด้วยเช่นกัน
เหมือนกับ ในบทความที่เราเล่าในวันก่อน ๆ ว่า .. ทำไมเราถึงต้องทานขนม (Snacks) ของ สตาร์บัคส์ที่ญี่ปุ่น ที่เป็นมันฝรั่งอบกรอบเช่นกัน เพียแต่เป็น รสพริกไทยดำ ซึ่งเราสรุปโดยเหตุผลว่า เป็นรสชาติที่ผ่านการวิจัยและพัฒนามาแล้วว่า สามารถวางจำหน่ายได้ภายในสตาร์บัคส์ประเทศญี่ปุ่นได้อย่างดี และเราลองชิมเพื่อให้ทราบว่า ผู้คนที่ญี่ปุ่นชอบทานขนมลักษณะนี้ รสชาติประมาณไหน เพื่อให้เข้าใจผู้คนมากขึ้น
ผลิตภัณฑ์ของ สตาร์บัคส์ เลือกใช้การไล่สี (Gradient Color) เช่นกัน โดยเลือกใช้สีส้มและสีอ่อนลงไป เพื่อสีถึงรสชาติบาร์บีคิว (Smoked BBQ Flavor) รูปแบบอักษร (Fonts) เป็นรูปแบบมาตรฐานของแบรนด์
การออกแบบบรรจุภัณฑ์ (Packaging Design) หรือ แพคเกจจิ้ง สำคัญและมีประโยชน์อย่างไร?
แจมเพย์ ขอให้คำแนะนำจากการสังเกต ดังนี้ว่า ส่วนประกอบหลัก ๆ บนบรรจุภัณฑ์นั้นมีอยู่ด้วยกัน ดังนี้
1.ตราสินค้า (Brand Logo)
จากกรณีศึกษาดังกล่าว เราจะเห็นว่า ทั้ง 3 แบรนด์ แสดงตราสินค้าได้อย่างเด่นชัด ขนาดของสัญลักษณ์ไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป ง่ายต่อการมองเห็นในระยะไกล หากสินค้าถูกวางอยู่บนชั้นวางสินค้าในห้างสรรพสินค้า หรือ ร้านค้าชั้นนำต่าง ๆ
2.ภาพสินค้าจริง (Product Photos)
การที่มีภาพสินค้าจริง ๆ เหมือนกับ สินค้าที่ถูกบรรจุอยู่ในบรรจุภัณฑ์นั้น สิ่งเหล่านี้แสดงให้ ผู้ซื้อ สามารถรับรู้ได้ทันทีว่า สินค้าที่ตนกำลังเลือกซื้ออยู่นี้คืออะไร ง่ายต่อการตัดสินใจของผู้ซื้อสินค้า อย่างเช่น ภาพที่ทั้ง 3 แบรนด์ที่นำมานำเสนอนี้ ไม่ว่าจะเป็น บิสกิตแท่ง กล้วยตาก หรือ มันหวานหลากสีอบกรอบ เป็นต้น ที่ต่างก็เป็นภาพสินค้าจริง ๆ ที่ถูกนำมาเสนอ เพื่อเหตุผลที่กล่าวไปแล้วข้างต้น
3.ภาพวัตถุดิบ (Raw Materials)
เพราะ บางครั้ง อาจจะทำให้เกิดความสับสน ลังเล ยากต่อการตัดสินใจ ยกตัวอย่างเช่น รสชาติสีขาวของแบรนด์คันนา (KUNNA) อาจทำให้เกิดความสับสนว่าเป็นรสชาติไวท์ช็อคโกแลต (White Chocolate) หรือ มะพร้าว (Coconut) หรือ สีเหลือง คือ รสชาติกล้วย หรือ มะม่วงกันแน่ เป็นต้น
หรือ ข้อมูลที่สำคัญและละเอียดอ่อน เช่น ข้อมูลสำหรับผู้ที่แพ้อาหาร (Food Allegens) เช่น บางท่านอาจจะแพ้ถั่ว (Nuts) อาจจะแพ้นม (Milk and Dairy Products) หรือ แพ้แป้งสาลี (Wheats) ดังนั้นการ แสดงภาพถั่ว หรือ แป้งสาลี หรือ นม มีส่วนช่วยให้ผู้ซื้อ หรือ ผู้บริโภคทราบได้โดยง่ายมากขึ้นนั่นเอง
สิ่งเหล้านี้เป็นสิ่งสำคัญมากต่อผู้ซื้อ หรือ ผู้บริโภค แสดงให้เห็นถึงความใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อยๆ เหล่านี้ ส่งผลในด้านดีต่อแบรนด์ด้วยกันทั้งสิ้น
4.คำโปรยของแบรนด์ (Tagline) และ คำบรรยายสินค้า (Descriptions)
คำโปรยของแบรนด์สำคัญอย่างไร? .. อาจใช้เป็นตัวเลือกในการสื่อสาร ตอกย้ำ “คุณค่าของแบรนด์” (Value of Brand) กับผู้ซื้อให้สามารถรับรู้และจดจำแบรนด์ได้ (Brand Awareness and Recall) เช่น KUNNA – Snacks Made Healthy, Jiraporn – Best Selected 110 Days หรือ JAMPAY – Evergreen Content Publisher เป็นต้น
หรือ อีกประโยชน์แฝงที่คุณอาจจะคาดไม่ถึงเลย คือ “ง่ายต่อการจดจำและการซื้อซ้ำ การเรียกซ้ำ” เป็นทางเลือกให้กับผู้บริโภค ผู้ซื้อ เช่น สมมติว่าแบรนด์ของเราเป็นชื่อภาษาไทย กล่าวคือ น้ำพริกแม่ละเมียด กุนเชียงเจ๊ศรี หรือ แม้แต่แบรนด์ชั้นนำอย่าง คันนา (KUNNA) และ จิราพร (JIRAPRORN)
แน่นอนว่า เราเป็นคนไทย เราจะคุ้นเคยกับคำเหล่านี้ได้ดี บางแบรนด์เรายังไม่สามารถจำชื่อได้เลย และลองมองในมุมมองกลับกันว่า หากเราเป็นชาวต่างชาติ เราจะสามารถเรียกชื่อแบรนด์ได้ถูกต้อง หรือ ง่ายต่อการจดจำของเราหรือไม่ ดังนั้น การมีคำโปรยดังกล่าว เป็นส่วนช่วยให้เกิดการจดจำที่ง่ายกว่าให้แก่ผู้ซื้อนั่นเอง
รวมถึง คำบรรยายสินค้า (Descriptions) ที่ช่วยส่งเสริมในการอธิบายถึงลักษณะของสินค้ามากขึ้น เช่น ผู้ซื้อเป็นชาวจีน อาจจะไม่เข้าใจภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ดังนั้น การมีคำบรรยาย คำอธิบายเป็นภาษาจีนย่อมช่วยได้มากขึ้น หรือ ผลไม้บางอย่างมีชื่อเรียกต่างกันออกไปในแต่ละภาษา หรือ เป็นผลไม้ชนิดที่คนในชาติอื่น ๆ อาจจะไม่คุ้นเลย เราจำเป็นต้องอธิบายเพิ่มเติมเพื่อความเข้าใจที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง
ดังนั้น บนบรรจุภัณฑ์ ยิ่งมีอะไรให้คุณจำง่าย ๆ ได้มากพอสมควร จะง่ายต่อการจดจำและการซื้อซ้ำมากยิ่งขึ้น เช่น จำชื่อแบรนด์ไม่ได้ แต่จำได้ว่า บนบรรจุภัณฑ์มีต้นกล้วยสีเขียวใหญ่ ๆ เป็นต้น ส่งผลดีกับภาพลักษณํของแบรนด์และผลิตภัณฑ์ รวมไปถึงส่งเสริมในด้านยอดขายอีกด้วย
5.คุณค่าทางโภชนาการ (Nutrition Facts Label)
ผู้ซื้อบา่งราย จำเป็นต้องดูคุณค่าทางโภชนาการของผลิตภัณฑ์ของท่านอย่างพิถีพิถัน เพราะ บางท่านอาจจะมีโรคประจำตัว หรือ ควมคุมการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ ดังนั้น การมีคุณค่าทางโภชนาการที่ชัดเจน สังเกตได้ง่าย ย่อมช่วยให้ผู้ซื้อตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
หรือ ในบางกรณี ผู้ผลิตนำคุณค่าทางโภชนาการเหล่านี้มาทำเป็นคำอธิบายให้สังเกตเห็นง่ายขึ้น ชัดเจนขึ้น ตัวอย่าง “น้ำตาลน้อยกว่า”, “น้ำตาลลดลง 30%”, “โซเดียมลดลง 30%” เป็นต้น เพื่อการประชาสัมพันธ์ และ สร้างการรับรู้ รวมถึงช่วยลดระยะเวลาในการตัดสินใจมากยิ่งขึ้น
เพราะ บรรจุภัณฑ์ หรือ แพจเกจจิ้ง (Packaging) เป็นพื้นที่สื่อสารกับลูกค้า เป็นพื้นที่ที่ทำให้ลูกค้าสนใจบนชั้นวางที่มีสินค้ามากมาย โดยเรามีโอกาสเพียงไม่กี่วินาทีที่กลุ่มที่มีแนวโน้มจะเป็นลูกค้าของเราจะเห็นสินค้าเรา และเมื่อกลุ่มผู้คนเหล่านี้น เห็นสินค้าของเราเข้าแล้ว เรามีเวลาในการอธิบายสินค้าของเรา จากการที่ลูกค้าเหล่านั้น หยิบสินค้าของเราขึ้นมาพิจารณาก่อนตัดสินใจเลือกซื้อ ผู้คนก็มักจะพิจารณาจาก 4-5 ข้อที่ได้กล่าวไปข้างต้น
ดังนั้น การออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่ดี อาจจะจำเป็นต้องคำนึงถึงสิ่งเหล่านี้ด้วย นอกจากบางข้อจะเป็น “จริยธรรมทางธุรกิจ” (Code of Conducts) ที่ผู้ผลิตสินค้าจำเป็นต้องแสดงให้กับผู้ซื้อได้ทราบแล้ว ยังเป็นเพราะ หากขาดองค์ประกอบที่สำคัญเหล่านี้ไป เราอาจจะได้บรรจุภัณฑ์ที่สวยงามมาก แต่ ตัวบรรจุภัณฑ์ไม่ได้ทำหน้าที่สื่อสาร สื่อความหมาย สื่อเรื่องราว (Story- Telling) ภาพลักษณ์ ตำแหน่งทางการตลาดของแบรนด์ไปสู่ผู้ซื้อเลย อาทิ บางบรรจุภัณฑ์อาจจะสวยงามมาก ๆ แต่เรามองไม่ออกว่าผลิตภัณฑ์นี้คืออะไรกันแน่ อาจส่งผลในด้านลบกับแบรนด์และภาพรวมของยอดขาย จนต้องมีการพิจารณาในการออกแบบบรรจุภัณฑ์ใหม่อีกครั้ง เป็นต้น
เพราะฉะนั้น ผู้ที่ทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับการตลาด หรือ ทีมการตลาดของแบรนด์ อาจจะต้องกำหนดลักษณะต่าง ๆ เหล่านี้ให้ชัดเจนก่อนที่จะมอบหมายงานให้ทีม หรือ ฝ่ายออกแบบ หรือ บริษัทตัวแทน (Agencies) ที่รับจ้างดำเนินการ เพื่อป้องกันข้อผิดพลาด และความเสียหายทั้งในด้านเงินและด้านเวลา
จากภาพ เราได้เคยอธิบายไว้แล้วในบทความ Solo Travel ของวันก่อน ๆ ว่า ทำไมการทำแบบนี้จึงเป็นประโยชน์ ผู้อ่านสามารถอ่านเพิ่มเติมในเรื่องนี้ได้
รีวิว “ไก่ทอด” ของทอด ร้านสะดวกซื้อในประเทศญี่ปุ่น (Fried Chicken’s Convenience Store in Japan)
ก่อนที่จะไปเริม่ต้น รีวิว ไก่ทอด ในร้านสะดวกซื้อของประเทศญี่ปุ่นกันนั้น ขอนอกเรื่องเล็กน้อย .. เพราะ เราบังเอิญได้เจอกับ เครื่องถ่ายเอกสารในร้านสะดวกซื้อ ซึ่งทำให้เราประหลาดใจมาก เพราะ เรายังเห็นผู้คนมาใช้บริการถ่ายเอกสารอยู่ ซึ่งเราเคยคิดว่า การถ่ายเอกสารจะลดลงไปแล้วในปัจจุบัน แต่เรื่องนี้ทำให้เราต้องกลับมามองในอีกมุมหนึ่งอีกครั้ง
ไก่ทอด แฟมิลี่มาร์ท ประเทศญี่ปุ่น | Fried Chicken at FamilyMart in Japan
เราจะเลือกทาน ไก่ทอดธรรมดา (Original Fried Chicken) และ ไก่ทอดสไปซี่ (Spicy Fried Chicken) ทั้งหมด 2 อย่าง รวม ราคา 325 เยน (JPY) ประมาณ 92.63 บาท (THB)
คะแนนรวม 8/10
ไก่ไร้กระดูกทอด รสสไปซี่ (ฺBoneless Spicy Fried Chicken) ของ แฟมิลี่มาร์ท (FamilyMart) มีรสชาติคล้าย เคเอฟซี ที่ ประเทศไทย (KFC Thailand) เพียงแต่แป้งมีลักษณะหนามากกว่า รวมถึงไม่ได้เป็นแบบแป้งกรอบ
ส่วน ไก่ทอดธรรมดา (Fried Chicken) รสชาติออกเค็มกว่า (Salty) มีกลิ่มและรสชาติของโชยุ (Shoyu)
ไก่ทอด เซเว่น อีเลฟเว่น ประเทศญี่ปุ่น | Fried Chicken at 7-Eleven in Japan
เราจะเลือกทาน ไก่ทอดสไปซี่ (Spicy Fried Chicken) และ ไก่ทอดสไปซี่ ซอสเทอริยากิ (Teriyaki Sauce and Spicy Fried Chicken) และ อันล่างสุด เราเดาว่า เป็นมันหวานทอด (Fried Sweet Potato) ทั้งหมด 3 อย่าง รวม ราคา 505 เยน (JPY) ประมาณ 143.93 บาท (THB)
คะแนนรวม 8/10
เริ่มจากอันล่างสุดก่อนเลย คือ ทานเข้าไปแล้ว ลักษณะเหมือนมีเนื้อปลาผสมกับมันหวาน และข้าวเปล่า นำทอด มีรสชาติและกลิ่นของ โชยุ (Shoyu) นำ ลักษณะที่เด่น คือ แป้ง และ สิ่งที่ลักษณะคล้ายมันหวานข้าวเปล่าทอดจนกรอบ มีรสสัมผัสที่ดี แต่สิ่งที่เราไม่ชอบ และหักคะแนนมากที่สุด สำหรับเรา คือ น้ำมันท่วม กัดทานเข้าไปน้ำมันเต็มปาก (Oily and Greasy)
ไก่ทอดสไปซี่ (กลาง) ซอสเทอริยากิ (Teriyaki Sauce and Spicy Fried Chicken) กัดทานเข้าไปคำแรก กลิ่นและรสชาติของ “ปลาเห็ด หรือ ทอดมัน” (Thai Spicy Fried Fish-Paste Balls) ตามมาด้วยกลิ่นหอมของเนยและชีส (Cheesy and Creamy) ตบท้ายด้วย รสชาติของซอสเทอริยากิ (Teriyaki) เป็นการผสมที่แปลก ๆ สำหรับเรา
ไก่ทอดสไปซี่ (บนสุด) (Spicy Fried Chicken) กัดทานเข้าไปคำแรก เป็น รสชาติพริกไทยดำ (Black Pepper Flavor) กลิ่นและรสชาติของ “ปลาเห็ด หรือ ทอดมัน” เช่นเคย มีลักษณะแป้งที่หนามาก
คั่นด้วยของหวาน กาแฟ สตาร์บัคส์ (Starbucks) และ ขนมปังโมจิไส้ชีส (Mochi Cheese Bread)
หลังจากทานไก่ทอดของทั้งสองร้านสะดวกซื้อไปแล้ว การ์ดความจำ (Memory Card) เต็ม จึงถือโอกาสไปนั่งลบภาพบางส่วนออกก่อนจะไปถ่ายภาพต่อ และเป็นการพักทานกาแฟและของหวานไปในตัว
เราจะเลือกทาน กาแฟ สตาร์บัคส์ (Starbucks) และ ขนมปังโมจิไส้ชีส (Mochi Cheese Bread) ทั้งหมด 2 อย่าง รวม ราคา 616 เยน (JPY) ประมาณ 175.56 บาท (THB)
ขนมปังโมจิไส้ชีส (Mochi Cheese Bread)
ขนมปังอบสอดไส้ชีส (Cheese Flavor) มี รสชาติเค็มเล็กน้อย หอมมันไหม้ๆ (Creamy) แป้งโมจินุ่มๆ (Mild) โดยรวมเราชอบมากเลย ทานคู่กับกาแฟเข้ากันมาก
ไก่ทอด ลอว์สัน ประเทศญี่ปุ่น | Fried Chicken at LAWSON in Japan
เลือกทาน “ไก่ทอดดำ” (Black Fried Chicken) และ “ไก่ทอดฮอตสไปซี่” (Hot Spicy Fried Chicken) “ไก่ทอดสาหร่าย” (Seaweed Fried Chicken) รวมน้ำ ทั้งหมด 4 อย่าง รวม ราคา 633 เยน (JPY) ประมาณ 180.41 บาท (THB)
คะแนนรวม 7/10
ไก่ทอด รสสาหร่าย (บนสุด) ให้คะแนนเยอะ เพราะ เนื้อเยอะแป้งน้อย หอม อร่อย ทานง่ายมากๆ ไม่น้ำมันท่วม ส่วน ไก่ทอดฮอตสไปซี่ (ล่างสุด) มีรสชาติเทียบเทียบกับ KFC Thailand (เคเอฟซี ประเทศไทย) กลิ่นแบบทอดมันน้อยกว่าของแบรนด์อื่น เป็นที่น่าพอใจอย่างมาก
มาถึงไก่ทอดซอสลับและพริกไทยดำ (Tasty Sauce and Black Pepper Fried Chicken) กันบ้าง เราเก็บไว้ทานท้ายสุดเลย .. กัดเข้าไป หวานเจี๊ยบ (Sweet) แบบ เทอริยากิ (Teriyaki) ไม่มีความเผ็ดของเครื่องเทศอย่างที่หวัง เพราะ เราคิดว่าต้องรสชาติแบบพริกไทยดำเข้มข้น เพราะเราไม่รู้ว่ารสชาติอะไร ดังนั้น เราหักคะแนน และเป็นอันเดียวจากทั้งหมด ที่เราทานเหลือ
ไก่ทอด มินิสต็อป ประเทศญี่ปุ่น | Fried Chicken at MINISTOP in Japan
ทาน ไก่ทอดธรรมดา (Juicy Original Fried Chicken) และ ไก่ทอดสไปซี่ (Juicy Spicy Fried Chicken) รวมน้ำเปล่า (Drink Water) ทั้งหมด 3 อย่างราคา 463 เยน (JPY) ประมาณ 131.96 บาท (THB)
คะแนน 8/10
ไก่ทอดธรรมดา มีกลิ่นเนย (Cheesy and Creamy) ไม่เค็มมากนักกลิ่นและรสสัมผัส เหมือน ซอสเทมปุระ (Tempura Soy Sauce) ออกหวาน ไม่เผ็ด น้ำมันท่วม (Oily)
ไก่ทอดสไปซี่ มีรสชาติ “ปลาเห็ด หรือ ทอดมัน” แป้งกรอบ น้ำมันไม่ท่วม ตามมาด้วยรสชาติและกลิ่นของ พริกไทยดำ (Black Pepper) เผ็ดร้อนเครื่องเทศมากที่สุดจากทั้งหมดที่ทานมา
สรุป ไก่ทอด จากร้านสะดวกซื้อ ทั้ง 4 แบรนด์ ที่ได้ลองทาน เราชอบอันไหนมากกว่า?
จากที่ทานมา เราสามารถทานได้ทั้งหมด เพราะ เราอยากเรียนรู้รสชาติที่ผู้คนที่ญี่ปุ่นชอบ เพราะ ทั้งวิถีชีวิต ประวัติศาสตร์ อาหารและเครื่องปรุงเคร่องเทศประจำชาติ ทำให้ผู้คนแต่ละชนชาติชอบรสชาติที่ไม่เหมือนกัน เช่น ผู้คนที่ญี่ปุ่น อาจชื่นชอบ รสชาติของโชยุ (Shoyu) รสชาติเทอริยากิ (Teriyaki) ที่ออกเค็มหวาน ในขณะที่ คนไทยอาจจะชื่นชอบรสชาติ เผ็ด รสชาติต้มยำ เป็นต้น
แต่หากเราจะแนะนำให้คนไทยที่มาท่องเที่ยวที่ญี่ปุ่น เราแนะนำให้ทานแบบฮอตสไปซี่ (Hot Spicy) ของที่นี่เลย เพราะ รสชาติจะเท่ากับไก่ทอดธรรมดาของ เคเอฟซี ที่ประเทศไทย ซึ่งเป็นรสชาติที่คนไทยคุ้นเคยดี
ถ้าให้เราแนะนำ คือ ไก่ทอดฮอตสไปซี่ (Hot Spicy Fried Chicken) ของ Ministop (มินิสต็อป) และ 7-eleven (เซเว่น อีเลฟเว่น)
เดินเที่ยวชมเมือง (Sightseeing) สำรวจสถานที่และสินค้าต่างๆ
- Natural Lawson
Go-Kart in Tokyo, JAPAN
- Kart in Tokyo, JAPAN by Go-Kart
อันนี้เราอยากรู้ หลังจากที่ถ้ายภาพนี้ ว่าเป็นมหกรรมอะไร หรือ กิจกรรมอะไรหรือเปล่า เลยลองหา Go-Kart ใน Google Maps พบว่า เป็นบริการ “Street Kart Tour Tokyo by Go-Kart” ไว้มีโอกาสไปโตเกียวคราวหน้าจะไปลองขับเล่นบ้าง
- Yamazaki Store ลองเข้าไปดูแล้ว เหมือนจะไม่มีของทอด เลยเดินผ่านไป
- Tower Skytree มุมนี้ถ่ายออกมาแล้วสวยงามมาก
- Amuza Bridge มองไปที่แม่นน้ำแล้วสบายใจ
Ichiran Asakusa – ราเมงข้อสอบ อิจิรัน อาซากุสะ
ขั้นตอน การสั่งอาหารที่ร้าน ราเมงข้อสอบ อิจิรัน | How to Order at Ichiran Asakusa Ramen in Japan
- #1: Use the Vending Machine to purchase your bowl of ramen and Select your Seat อันดับแรก สั่งที่ตู้จำหน่ายตั๋วก่อนว่าเราอยากทานอะไรบ้าง จากนั้นพนักงานบริการจะถามเราว่า อยากนั่งเป็นโต๊ะ หรือ นั่งคนเดียว
- #2 : Cutomize your Ramen ต่อมา มาทำข้อสอบ ว่าเราอยากได้อะไรเพิ่มเติมไหม ถ้าไม่ต้องการก็เลือกระดับกลาง (Medium) ไปทั้งหมด ในที่นี้เราเลือกแบบ Medium ทั้งหมด
- #3 : Hand in Your Order ส่งข้อสอบ ราเมง โดยกดปุ่มเรียก เมื่อต้องการสั่งอะไรเพิ่มเติมกดเรียกพนักงานบริการเพื่อส่งข้อสอบเพิ่มเติม เมื่อรับประทานเสร็จแล้ว ต้องการทานของหวานเพิ่มเติม ก็ส่งข้อสอบของหวาน โดยกดเรียกพนักงานบริการอีกครั้ง
- Ichiran Asakusa Ramen #1 Best Seller Menu
เราเลือกทุกอย่างแบบ ดั้งเดิมทั้งหมด ผลที่ออกมาคือ แบบดั้งเดิมคืออร่อยมากแล้ว น้ำซุปกระดูกหมู และออกข้น ๆ หอมกลิ่นของไข่ เห็ดหูหนูกรอบและอร่อยมาก หมูชิ้นโตหอมโชยุแบบลงตัว เราทานจนหมดไม่เหลือแม้แต่หยุดเดียว
- Matcha Almond Pudding at Ichiran Ramen Asakusa พุดดิ้งชาเขียว กับ อัลมอนด์ (Almond) หอม ให้ความสดชื่น (refreshment) มีกลิ่นเหล้าเล็กน้อย มีรสชาติของนม ชาเขียว นุ่มมากๆ
รวมทั้งสองเมนู ราคารวม 1970 เยน (JPY) ประมาณ 561.45 บาท (THB)
Night at Asakusa Sensoji Temple วัดอาซากุสะ หรือ วัดเซ็นโซจิ ในเวลากลางคืน
- Asakusa Sensoji Temple วัดอาซากุสะ หรือ วัดเซ็นโซจิ ในเวลากลางคืน
เดินย่อยอาหาร ชื่นชมกับบรรยากาศในตอนกลางคืนของที่นี้
วันนี้กลับกลายเป็นอีกหนึ่งวันที่เรากลับต้องเดินไกลที่สุดเลย เพราะ เราทานของทอดทั้งวัน ทำให้เราได้เดินสังเกตสถานที่ต่าง ๆ ไปในตัว เราพบเห็นรถขายขนมปังแบบ ร้านเบเกอรี่เคลื่อนที่ จอดขายอยู่ข้างทาง
คนญี่ปุ่นสูบบุหรี่พร้อมทานกาแฟจริงๆ อยากที่เพื่อนนักธุรกิจชาวญี่ปุ่นได้อธิบายไว้ แม้ว่าจะได้ได้ทานที่ร้านกาแฟก็ตาม วันนี้เราสังเกตตเห็นตู้กดน้ำอัตโนมัติที่เราสามารถเห็นได้ทั่วไปตลอดเส้นทาง พบว่า ผู้คนหนุ่มสาวยื่นทานกาแฟขวดที่กดจากตู้เหล่านี้ตามหัวมุมของถนน หรือบริเวณอาคารต่าง ๆ ยืนสูบบุหรี่ ทานกาแฟ และยืนพูดคุยกันอยู่บริเวณนั้น
ที่สวนสาธารณะ นิฮงบาซิ ฮามะโชะ เราแวะพัก และ กรอกน้ำจากสวนสาธารณะนำมาดื่ม เราเห็นเด็ก ๆ ประถมมาเล่นที่สวนสาธารณะกันแล้ว กีฬาที่เล่นกัน คือ ลักบี้ หรือ อเมริกันฟุตบอล ไม่แน่ใจ แต่เวลาในตอนนั้น คือ ประมาณบ่ายสองบ่ายสาม และบริเวณนี้เป็น ศูนย์กีฬาประจำหมู่บ้าน พบเห็นผู้ปกครองพาบุตรหลานมวิ่งเล่น เล่นกีฬา ทำกิจกรรม ที่ศูนย์กีฬาแห่งนี้ ตามที่เราได้อธิบายไปในบทความ Solo Travel วันก่อน ๆ ว่าทำไมเขาถึงเลิกเรียนเลิกงานกันเร็วในช่วงเวลานี้
น่าเสียดายที่เราไม่สามารถถ่ายบางภาพมาได้ เหมาะ การ์ดความจำของเราเต็ม เราถ่ายไป 1,500 กว่าภาพแล้ว ณ ตอนนี้ และเราจำเป็นต้องลบรูปภาพบางส่วนออกไป เพื่อเหลือพื้นที่สำหรับภาพถ่ายในวันที่เหลือ เราจึงต้องเลือกภาพที่คิดว่าสำคัญและใช้ได้จริง ๆ นั่นเอง
โปรดติดตามตอนต่อไป
#JampayPainPoint